การออกแบบกิจกรรมการตลาด CRM สำหรับธุรกิจ SMEs : รศ.ชื่นจิตต์ แจ้งเจนกิจ

รศ.ชื่นจิตต์ แจ้งเจนกิจ

CRM เป็นกลยุทธ์ที่ถูกนำมาใช้กับกลุ่มลูกค้าที่ซื้อสินค้าหรือใช้บริการขององค์กรแล้ว โดยเป็นการส่งมอบสิทธิประโยชน์ทั้งในด้านการบริการที่ดีด้วยข้อตกลงการบริการ และคุณค่าเพิ่ม เพื่อเป็นสิทธิประโยชน์ที่จะสามารถผูกใจให้ลูกค้าอยู่กับองค์กรได้เป็นระยะเวลายาวนาน

CRM เป็นกลยุทธ์ที่ถูกนำมาใช้กับกลุ่มลูกค้าที่ซื้อสินค้าหรือใช้บริการขององค์กรแล้ว โดยเป็นการส่งมอบสิทธิประโยชน์ทั้งในด้านการบริการที่ดีด้วยข้อตกลงการบริการ  และคุณค่าเพิ่ม เพื่อเป็นสิทธิประโยชน์ที่จะสามารถผูกใจให้ลูกค้าอยู่กับองค์กรได้เป็นระยะเวลายาวนาน  ในตอนนี้จะขอกล่าวถึงการสร้างคุณค่าเพิ่ม Value – Added ) ให้ลูกค้าเพิ่มเติมจากสินค้าหรือการบริการที่ลูกค้าจ่ายชำระเงิน การออกแบบกลยุทธ์สื่อสารการตลาดเพื่อสร้างคุณค่าเพิ่มให้ลูกค้าหลังการซื้อมีดังต่อไปนี้

1. การตลาดโดยตรง ( Direct  Marketing )  ได้แก่ การจัดตั้งศูนย์บริการลูกค้า ( Customer  Service ) เพื่อให้ลูกค้าโทรศัพท์เข้ามาสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าหรือการบริการ หรือแจ้งปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานสินค้า  โดยการทำงานของศูนย์บริการลูกค้ายังคงเป็นไปตามข้อตกลงการบริการ ( Service Level Agreement or S.LA.  ) เสียงโทรศัพท์เรียกเข้าต้องไม่เกิน 3 ครั้ง รับสายแล้วพูดตามบทพูดว่า “ สวัสดีค่ะ บริษัท… ดิฉัน…( ชื่อ ) …ยินดีให้บริการค่ะ ” ในกรณีที่ลูกค้าแจ้งว่าสินค้าที่ลูกค้าได้รับมีตำหนิ หรือชำรุด  ธุรกิจ SMEs ต้องตอบสนองต่อข้อร้องเรียนทันทีด้วยการส่งมอบสินค้าใหม่ทดแทน  และนำสินค้าที่เป็นปัญหา กลับเข้าคลังสินค้า  รอการแก้ไข โดยการจัดส่งสินค้าใหม่ทดแทนให้นั้นต้องบริการได้ภายใน 1 รอบการขนส่ง  เช่นเมื่อส่งสินค้าให้ได้ภายใน 1 วัน  การเปลี่ยนคืนสินค้าที่มีปัญหาก็ต้องสามารถทำได้ภายใน 1 วันเช่นกัน

2. การประชาสัมพันธ์ ( Public  Relations )  ได้แก่การจัดส่งจดหมายข่าวทางออนไลน์  หรือไปรษณีย์ เพื่ออัพเดตข่าวสารข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์  กิจกรรมส่งเสริมการขาย ฯลฯ

3. การส่งเสริมการขาย (  Sales  Promotion )  รูปแบบที่นิยมนำมาใช้ในธุรกิจ SMEs มี 3 ประเภทหลัก  ได้แก่

3.1. ส่วนลดหลังการซื้อ ( Rebates ) เช่นเมื่อลูกค้าซื้อสินค้าครบ 10,000 บาท จได้รับคูปองใช้แทนเงินสดมูลค่า 1,000 บาท นำมาใช้เป็นส่วนลดในการซื้อสินค้าครั้งต่อไป  หรือถ้าเป็นธุรกิจ SMEs ที่ทำการค้าส่ง กล่าวคือขายให้ธุรกิจที่นำสินค้าไปขายต่อให้ผู้บริโภคคนสุดท้าย  เช่นนี้ธุรกิจ SMEs สามารถตั้งเป้าหมายให้คนกลางที่เป็นผู้ค้าปลีก  ให้สั่งซื้อสินค้าครบตามเป้าหมายที่กำหนด  เช่นปีละ 12,000,000 บาท จะได้รับ rebates ร้อยละ 1 หรือเท่ากับ 120,000 บาทในช่วงสิ้นปี  อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีผู้ผลิตหลายรายให้ rebates แก่คนกลางเป็นรายเดือน  เพื่อให้คนกลางสั่งซื้อสินค้ากระจายเท่าๆกันทุกเดือน  เช่นเป้าหมายการสั่งซื้อต่อปีคือ 12,000,000 บาท  กระจายเป็นรายเดือนเท่ากับ 1,000,000บาท  คนกลางจะได้รับ rebates ทุกสิ้นเดือนเท่ากับร้อยละ 1 .0  หรือเท่ากับ 10,000  บาท เป็นต้น

3.2. โปรแกรมการสะสมแต้มสะสมคะแนน ( Loyalty  Program  )  โดยธุรกิจ SMEs จะต้องออกแบบรายละเอียดของโปรแกรม 2 ด้านได้แก่

3.2.1. การได้แต้ม ( Point Earned ) เช่น

– ทุก 100 บาทที่ลูกค้าซื้อสินค้าจากบริษัท  ได้รับแต้ม 1 แต้ม

– ลูกค้าลงทะเบียนในช่องทางออนไลน์ของบริษัทได้ รับแต้มทันที 200 แต้ม

– ลูกค้าสั่งซื้อสินค้าทางออนไลน์  ทุก 100 บื ลูกค้าได้รับ 2 แต้ม

– ลูกค้าอัพเดตข้อมูลชื่อนามสกุล ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ที่ติดต่อได้  ลูกค้าได้รับ 100 แต้ม

– ลูกค้าช้อป โดยไม่รับถุงพลาสติก  ได้รับแต้ม 200 แต้มทุกครั้ง

– ลูกค้าต่ออายุสมาชิกได้รับแต้มเพิ่ม 100 แต้ม

– ลูกค้าเข้าร่วมกิจกรรมพิเศษที่บริษัทจัดขึ้นได้รับแต้มพิเศษ X 2

– ลูกค้าซื้อสินค้าหมวดพิเศษได้แต้ม X 2

– ลูกค้าช้อปในช่วงศุกร์/เสาร์/อาทิตย์ ได้แต้ม X 2 เป็นต้น

3.2.2. การใช้แต้มเพื่อรับสิทธิประโยชน์  ( Point  Burned or  Point  Redeemed ) เช่น

– ลูกค้านำแต้มมาแลกรับคูปองส่วนลดในการซื้อ

– ลูกค้าแลกแต้มเป็นของขวัญ หรือสินค้าตามเงื่อนไข

– ลูกค้าใช้แต้ม บวกเพิ่มเงิน เพื่อรับสิทธิประโยชน์เป็นของขวัญในรายการส่งเสริมการขาย  เช่นรายการส่งเสริมการขายของเครื่องสำอางกำหนดให้ลูกค้าซื้อครบ 5,000 บาท ได้รับชุดกิฟท์เซ็ทเครื่องสำอางมูลค่า 6,000 บาท  แต่ลูกค้าสามารถใช้แต้มแลกซื้อชุดกิฟท์เซ็ทในราคา เพียง 1,000 บาท  โดยลูกค้าใช้แต้มแลกสิทธิ 5,000 แต้ม  เป็นต้น

– ลูกค้าใช้แต้มแลกสิทธิในการเข้าร่วมงานกิจกรรมที่บริษัทจัดขึ้น

– ลูกค้าเปลี่ยนแต้มที่ได้รับจากบริษัท ไปเป็นแต้มของพันธมิตรที่ร่วมรายการ  เช่นสายการบิน  โรงภาพยนตร์  เป็นต้น เรียกวิธีนี้ว่าเป็นการ Swap  Point

– ลูกค้าใช้แต้มเท่ากับมูลค่าซื้อเพื่อแลกรับสิทธิส่วนลดเพิ่มเติม ( On – Top  Discount )

3.3 ส่วนลดพิเศษเฉพาะลูกค้าที่ได้รับเชิญ ( Special Privilege )  เช่นลูกค้าสมาชิกได้รับเชิญเข้าเลือกซื้อสินค้าก่อนวันเปิดโปรโมชั่นลดราคาลูกค้าทั่วไป

4. พนักงาน ( People )  โดยพนักงานในที่นี้คือบุคลากรที่ทำหน้าที่ติดต่าอกับลูกค้า ( Touch  Point ) เช่นพนักงานขาย  ช่างเทคนิค  พนักงานศุนย์บริการลูกค้า  ซึ่งเป็นผู้ทำหน้าที่บริการตามความต้องการของลูกค้า  ติดตามการแก้ไขปัญหา ( Follow – Up )  เพื่อลูกค้า  เป็นต้น

แนวคิดสมัยใหม่ที่มุ่งเน้นให้ Touch  Point ทุกคนทำหน้าที่ของตนให้เป็นที่ประทับใจ  ทำให้ลูกค้าต้องซื้อสินค้าจากตนเอง ตามหลักการ People  Buy  You ซึ่งแนวคิดเรื่องนี้ผู้เขียนจะนำมาขยายความอีกในตอนต่อๆไป

5. กิจกรรมทางการตลาด  ( Event  Marketing )  เช่นงานเลี้ยงขอบคุณลูกค้า  กิจกรรมเชิญลูกค้าออกรอบเล่นกอล์ฟ  ชมคอนเสิร์ต  ชมภาพยนตร์  แรลลี่  ไหว้พระ  เป็นต้น

เครื่องมือหรือกิจกรรมข้างต้น  ในปัจจุบันไม่สามารถใช้โดยลำพังเนื่องจากไม่สามารสร้างความเป็นพิเศษให้กับลูกค้าในด้านคุณค่าเพิ่มที่ลูกค้าจะได้รับ  จึงมักจะอยู่ในรูปของการจัดทำเป็นโครงการ  หรือสิทธิประโยชน์  อย่างเช่น  โปรแกรม CRM ของบมจ.แสนสิริ  ที่เรียกว่า  Sansiri  family  เป็นต้น

ในตอนต่อไป จะได้นำรายละเอียดของเครื่องมือพร้อมตัวอย่างนำเสนอกับผู้อ่านให้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ