การคลัสเตอร์ของธุรกิจ SME (ตอนที่ 1) : ทรงฤทธิ์ อมรวิทย์กุล

อ.เสน่ห์ ศรีสุวรรณ

การคลัสเตอร์เป็นเรื่องที่ SME ควรให้ความสำคัญ

  ในปลายปี 2558  ประเทศไทยจะก้าวสู่กลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ร่วมกับอีก  9  ประเทศ    ประกอบด้วยประเทศเมียนมาร์   ประเทศลาว  ประเทศเวียตนาม   ประเทศกัมพูชา ( ที่เราเรียกชื่อกลุ่ม  ประเทศนี้ว่า กลุ่ม CLMV )  ประเทศมาเลเซีย   ประเทศสิงคโปร์   ประเทศฟิลิปปินส์  ประเทศอินโดนีเซีย  ประเทศบูรไน   และ ประเทศติมอร์เลสเต  ซึ่งจะมีประชากรรวม  670  ล้านคน  อันเป็นการขยายตลาดจากขนาดตลาดในประเทศที่มี 60 ล้านคน เป็น  670 ล้านคน  เท่านั้นยังไม่พอยังมีการร้องขอจากประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน  ประเทศเกาหลีใต้   ประเทศญี่ปุ่น  เข้าร่วมกลุ่มเป็นกลุ่มอาเซียน  + 3 และ จากประเทศอินเดีย  ประเทศออสเตรเลีย  ประเทศนิวซีแลนด์ เข้าร่วมกลุ่มเป็นกลุ่มอาเซียน  + 6    ส่งผลให้การขยายตลาดจากขนาดตลาดในประเทศไทยที่มี  60 ล้านคน เป็นตลาดอาเซียนที่มีประชากรโดยรวม  670 ล้านคน  2,000  กว่าล้านคน  3,000 กว่าล้านคน   ตามลำดับ  ที่อาจจะกล่าวได้ว่า เป็นตลาดในโลกการค้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก

           ผู้ประกอบการ SME ไทยเราจะมีแนวทางการปรับตัว   เตรียมความพร้อมของตนเองอย่างไรในการที่จะขยายโอกาสทางการค้าและการลงทุน อย่างมากจากขนาดตลาดที่ขยายตัวตามกลุ่มประเทศ และ จะรับมือการไหลหลากของผู้ประกอบการชาติต่างๆที่อยู่ในกลุ่มประชาคมและกลุ่มเศรษฐกิจอื่นๆนโลกที่จะมาเป็นเครือข่ายผู้ประกอบการ พันธมิตรทางการค้าและการลงทุน  คลัสเตอร์ด้านการผลิตทุกด้าน   ร่วมกันในการดำเนินธุรกิจในโลกการค้า  การลงทุน  หรือ อาจจะเป็นคู่แข่งทางธุรกิจก็ได้   โอกาส และ วิกฤติ  ย่อมเดินคู่กันเสมอ 

           ดังนั้นผู้ประกอบการ SME ไทยเรา  จะต้องดำเนินการในการสร้างเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจการค้าและการลงทุน  เราจะสร้างเครือข่ายผู้ประกอบการพันธมิตร หรือ คลัสเตอร์ ได้อย่างไร  ในรูปแบบอย่างไร

           ในอดีตที่ผ่านมา  โลกธุรกิจการค้าเป็นในรูปแบบการพึ่งพากัน เกื้อกูล ในกลุ่มธุรกิจประเภทเดียวกัน ที่คล้ายเหมือนกัน ในรูปแบบ  “เถ่าปั๊ว หรือ ผู้ผลิต    ยี่ปั๊ว หรือ ผู้ค้าส่ง     ซาปั๊ว หรือ ร้านค้าส่งชุมชน”    จนประสพความสำเร็จด้วยดี  ผ่านพ้นอุปสรรค วิกฤตทางเศรษฐกิจในปี พ.ศ.2527 และวิกฤตต้มยำกุ้งในปี พ.ศ.2540 จะมีบางสาขาอุตสาหกรรมเท่านั้นที่ไม่ค่อยประสพความสำเร็จที่ต้องยุติหรือเปลี่ยนกิจการ……..ที่กล่าวมานี้เป็นการสร้างเครือข่ายแบบหนึ่งที่ทางผู้ประกอบการได้กระทำมามาแต่ช้านาน  ยังไม่มีการกล่าวขานกัน  นั่นคือเป็นการสร้างเครือข่ายแบบทางตรงภายในกลุ่มธุรกิจ   ดั่งคำนิยามว่า “ ปฐมภูมิภาคี” 

         การค้าโลกธุรกิจแบบตะวันออกที่มีประสิทธิภาพประสิทธิผล เช่น  ประเทศญี่ปุ่นที่จัดรูปแบบ Cluster ด้านการผลิต ในแต่ละอุตสาหกรรมรายสาขา     มีการเชื่อมโยงเครือข่ายต่าง  Cluster  ที่ส่งผลให้ประเทศญี่ปุ่นประสพความสำเร็จสร้างความมั่งคั่งแก่ประเทศชาติ    หลายประเทศในเอเซียนำแนวทางไปปรับประยุกต์ใช้จนประสพความสำเร็จ เช่น  ประเทศจีน  เกาหลีใต้  ไต้หวัน  อินเดีย ฯลฯ………การนำรูปแบบนี้ไปใช้เป็นการสร้างเครือข่ายทางตรงและทางอ้อมดั่งคำนิยามว่า  “ทวิภูมิภาคี”

          จากแนวทางนี้เองที่ทำให้มีการศึกษาอย่างจริงจังจากนักวิชาการ  ส่งผลให้มีการบัญญัติศัพท์ในกลุ่มคือ  connection  ,  networking ,  cluster   มาปรับใช้มากขึ้นในวงกว้าง   จนประสพความสำเร็จ  มีประสิทธิภาพประสิทธิผล   

           ผู้ประกอบการSME ไทย ควรที่จะศึกษานำแนวทางเหล่านี้มาปรับใช้ในธุรกิจของตนเอง  ในการที่จะลดต้นทุนในการผลิต   การบริการ  การเกษตร  โดยรักษาคุณภาพสินค้าให้คงที่อยู่เสมอด้วยเทคโนโลยี่และนวัตกรรมใหม่ที่ผ่านการวิจัยและการพัฒนา   เน้นสร้างความแตกต่าง   ช่วยกันสนับสนุน  เติมเต็มซึ่งกันและกัน  อย่าแข่งขันกันเองในด้านราคาและผลิตภัณฑ์  อาจจะต้องใช้เวลาในการปรับทัศนคติและโลกทัศน์ของผู้ประกอบการ SME ไทย  ให้เกิดการยอมรับและเปิดโลกทัศน์ในการอยู่ร่วมกันแบบหุ้นส่วนเศรษฐกิจชาติ

             ส่วนตัวผมนั้น  ผมได้นำแนวทางการสร้าง “คลัสเตอร์ภาคการผลิต”  จาก ต้นน้ำ  กลางน้ำ  ปลายน้ำ  มาใช้   จนสามารถลดต้นทุนด้านการผลิต ลดความสูญเสียจากการผลิต  และ  สร้างผลกำไร จากภาคนี้เพิ่มขึ้นพอสมควร    จากนั้นสร้างเครือข่ายพันธมิตรทางการค้า  เพิ่มช่องทางการตลาดทางอ้อม  โดยการสนับสนุนจากเพื่อนๆในเครือข่าย  ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งในสภาวะการที่มีการแข่งขันกันสูง  การค้าที่มีเงื่อนไข  มาตรการกีดกันต่างๆที่ยากจะดำเนินการของผู้ประกอบการ SME ไทยส่วนใหญ่  

             การดำรงอยู่อย่างยั่งยืนของผู้ประกอบการ SME ไทยส่วนใหญ่เป็นสิ่งสำคัญ  เพราะผู้ประกอบการ SME ไทยส่วนใหญ่คือเสาหลักที่สำคัญในระบบเศรษฐกิจประเทศไทยเรา  เป็นซัพพลายส์เชนที่สำคัญแก่ผู้ประกอบการรายใหญ่ของประเทศ   ดังนั้นขั้นตอนในการสร้างเครือข่าย และ แนวทางจะดำเนินการได้อย่างไร   ในรูปแบบใด  ผมจะนำมากล่าวในฉบับหน้านะครับ  

นายทรงฤทธิ์ อมรวิทย์กุล