พอดีผมได้อ่านบทความน่าสนใจเกี่ยวกับประวัติของ Elon Musk ผู้ชายมากความสามารถที่สร้าง 2 อาณาจักรสุดอลังการทะลุมิติอย่าง Tesla และ SpaceX มาด้วยสองมือของตนเอง โดยคุณเมธินี นิชรัตน์ จาก techencode.com เลยได้ไปขออนุญาตนำมาลงในนิตยสารตอนนี้ให้ท่านผู้อ่านทุกท่านได้รู้จักชายคนนี้กันให้มากขึ้นครับ
ก่อนอื่นหากใครไม่เคยได้ยิน ได้รู้จัก Tesla หรือ SpaceX มาก่อน อย่างน้อยผมเชื่อว่าทุกท่านรู้จัก Iron Man กันแน่ๆ Jon Favreau ผู้กำกับเรื่อง Iron Man บอกว่า Elon Musk นี่แหละคือที่มาของแรงบันดาลใจในการสร้าง Tony Stark และเรื่องราวต่อไปนี้คือ 10 ข้อที่น่าสนใจเกี่ยวกับเขาครับ
1. ใน Forbes Lists ปี 2015 ได้จัดลำดับให้เขาเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลลำดับที่ 38 ของโลก (ขยับมาจากลำดับที่ 52 ในปีก่อน) อยู่ในลำดับ 15 ของคนที่รวยที่สุดในสาย Tech และเป็นคนรวยอันดับที่ 100 ของโลก โดย Forbes จัดให้เขาอยู่ในกลุ่ม Self-made ที่มาจากพื้นฐานคนชั้นกลาง ได้คะแนนความยากในการเป็น Self-made 8/10 ซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกับพี่ Mark แห่ง Facebook ครับ
โดยคำว่า 8/10 Self-Made นี่หมายถึง ระดับความยากที่จะสามารถรวยได้ด้วยตัวเองเมื่อเทียบกับชาติตระกูลและสภาพแวดล้อมครับ (ตัวอย่างระดับ Self-made 10/10 ยากสุดๆ คือคุณป้า Oprah Winfrey ที่เป็นลูก Single Mom คุณแม่วัยรุ่นและมีชีวิตตอนเด็กที่จนและลำบากมากๆ)
2. เห็นเขาผิวขาว ผมบลอนด์ ตาน้ำข้าวแบบนี้ เขาเกิดที่ประเทศแอฟริกาใต้ครับ เลยมีสัญชาติแอฟริกันใต้โดยกำเนิด โดยเขาเกิดเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2514 ปีนี้ก็อายุ 45 ปีครับ ยังหนุ่มฟ้อหล่อเฟี้ยวอยู่เลยนะครับ
3. ชีวิตในวัยเด็กเขาไม่ได้เก๋าแบบตอนนี้ครับ โดนแกล้งแรงๆ จนครั้งหนึ่งได้รับบาดเจ็บกระทบต่อระบบการหายใจของเขาจนถึงทุกวันนี้ แต่สิ่งที่เขามีส่วนเหมือนบุคคลระดับสุดยอดของโลกคือ เขาชอบที่จะเรียนรู้เองตั้งแต่เด็กครับ เป็นสุดยอดนักอ่านทั้งนิยายวิทยาศาสตร์ ไม่วิทยาศาสตร์ สารานุกรม
โดยเมื่อมีคนถามว่าเขาสร้างจรวดได้อย่างไร เขาตอบมาสั้นๆ ว่า “ผมอ่านหนังสือ” ผมก็ชอบอ่านครับ แต่คงยังห่างชั้นกับ Elon อีกหลายชั้น อยากรู้ว่า Elon Musk อ่านเล่มไหนบ้าง อ่านยังไง ดูกันลิงก์นี้เลยครับ http://time.com/4122837/elon-musk-book-recommendations
4. เขามีคอมพิวเตอร์เครื่องแรกซึ่งเป็นของมือสองตอนอายุ 9 ขวบ และเขาเรียนรู้คู่มือ “How to Program” ที่ควรจะใช้เวลาเรียนหกเดือนจบภายในสามวันครับ และต่อมาเมื่อเขาอายุ 12 ปี ก็ได้สร้างวิดีโอเกมชื่อ Blastar ซึ่งเขาบอกว่ามันเป็น Trivial Game ที่ก็ดีกว่า Flappy Bird ครับ โดยในปี 2526 เกมนี้ขายได้ 500 USD
5. เมื่อเขาอายุได้ 17 ปี เขาก็อพยพจากแอฟริกาใต้มาอยู่ที่แคนาดา เพื่อหลีกเลี่ยงการเกณฑ์ทหาร จะบอกว่าหนีทหารก็อาจจะพอได้ โดยเขาบอกว่าไม่รู้จะเป็นทหารรับใช้กองทัพเพื่อกดขี่คนดำทำไม ซึ่งตอนนั้นมีชีวิตอยู่อย่างลำบากด้วยความอนุเคราะห์ของญาติฝ่ายแม่ ตัวเขาเองต้องทำงานแปลกๆ หลายอย่าง เช่น ล้างหม้อน้ำ ตัดไม้ เพื่อประทังชีวิต และต่อมาไม่กี่ปีเขาก็โอนไปเรียนที่ University of Pennsylvania ซึ่งถือเป็นการเริ่มต้นชีวิตของเขาในสหรัฐอเมริกาครับ
6. เขาเรียนจบปริญญาตรีสองปริญญาด้วยกัน นั่นคือ ฟิสิกส์ กับเศรษฐศาสตร์ ซึ่งวิชาที่เขาเลือกเรียนทั้งสองอย่างนี้ เขาพิจารณาจาก Impact ที่อาจจะสร้างได้ โดยสิ่งที่เขา Focus มีด้วยกันสามเรื่อง คือ Clean Energy, Internet และ Space
หลังจากนั้นเขาก็สมัครเรียนต่อปริญญาเอกที่ Stanford ในวิชาฟิสิกส์ประยุกต์ และ Material Science แล้วก็ลาออกไปทำ Startup หลังจากที่เริ่มเรียนได้สองวัน เริ่ดไหมครับ มหาวิทยาลัยชื่อดังไม่ได้เข้ากันง่ายๆ แต่เขากลับทิ้งมันมาอย่างไม่ไยดี เพราะเขาน่าจะต้องมีความมุ่งมั่นและชัดเจนมากกว่าว่าเขาต้องการจะทำอะไร
7. Elon Musk เริ่มทำ Startup 2 อย่าง ซึ่งได้แก่เว็บ Zip2 และ ธนาคารออนไลน์ X.com พร้อมกันในปี 1990 โดยต่อมาเขาขาย Zip2 ให้กับ Compaq สร้างรายได้ให้กับเขา 22 ล้านเหรียญ ส่วน X.com ก็รวมบริษัทกับ PayPal และต่อมาก็ขายให้กับ eBay ทำเงินให้กับ Musk หลังหักภาษี 180 ล้าน USD ไงล่ะครับ เริ่มทีเดียวสองอย่าง แถมประสบความสำเร็จหลักสิบล้านร้อยล้านเลยทีเดียว
8. หลังจากที่ขายทั้งสองบริษัทแรก เขาก็เริ่มทำบริษัทจรวด โดยมุ่งที่จะหั่นต้นทุนในการเดินทางในอวกาศ และส่งคนไปอยู่ที่ดาวอังคาร แล้วเขาก็ลงทุนในบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าบริษัทเล็กๆ อีกหลายล้าน นั่นก็คือ Tesla ซึ่งท้ายที่สุดเขาก็ได้คุมบังเหียน โดยในช่วงแรกๆ เขาต้องทำงานถึงสัปดาห์ละ 100 ชม. แล้วเขาก็เป็น Boss ที่โหด มีทั้งบทไล่ตะเพิดพนักงานออกจากงาน รวมทั้งไล่ออกแบบฟ้าผ่าด้วย
9. เขาแต่งงานมาแล้วสองครั้ง รักแรกเกิดขึ้นสมัยเป็นนักศึกษา ภรรยาของเขาเป็นนักเขียนชาวแคนาเดียน ครั้งที่สองแต่งงานกับนางแบบชาวเมืองผู้ดี สถานะตอนนี้คือโสดครับ สาวๆ คนไหนอยู่แถว Silicon Valley โอกาสทองมาถึงแล้วนะครับผม
10. Elon Musk เป็นคนใจบุญครับ เขาได้ก่อตั้งมูลนิธิ Musk โดย Focus อยู่ที่เรื่องการศึกษาวิทยาศาสตร์ สุขภาพของเด็ก และพลังงานสะอาดหวังว่าคงได้สาระและแรงบันดาลใจจาก Idol คนนี้บ้างนะครับ เรื่องราวของ Self-made เป็นสิ่งที่คนยุคนี้สมัยนี้ชื่นชอบกันมาก แต่มันก็ไม่ได้เป็นอะไรที่ได้มาง่ายๆ กว่าใครสักคนจะไปยืนในจุดนั้นได้ เขาต้องผ่านร้อนผ่านหนาวมาพอสมควรครับ ยังไงก็ขอให้ท่านผู้อ่านทุกท่านสามารถทำได้ดั่งใจหมาย สู้ต่อไปนะครับทุกคน