START UP อนาคต : ดร.วิริยะ ฤาชัยพาณิชย์

Nanyarath Niyompong

บริษัทที่ให้เงินลงทุนใน start up มีมากขึ้นเรื่อยๆ และขยายตัวมาลงทุนแถบเอเซียนี้มาก
เพราะแถวนี้ ค่าตัวไม่สูง ความคิดสร้างสรรค์มีกันมาก บริษัทนักลงทุนของ สิงคโปร์ ฮ่องกง เองก็เปิดหา start up กันมากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนในบ้านเรา AIS dtac และ TRUE ก็เริ่มมีโครงก

เมื่อเดือนที่ผ่านมา  ผมได้คุยกับ นักศึกษาวิศวะและวิทยาศาสตร์ สองหนุ่มไฟแรง เป็นคู่หูที่มีพลัง มีความฝัน เขามาขอคำปรึกษาเรื่องธุรกิจที่คิดและเพิ่งเริ่มทำ ทั้งคู่ยังเรียนอยู่ปีสี่ เขาคิดว่าจะเรียนให้จบ แต่ตั้งใจว่าจะไม่ไปสมัครงานที่ไหน  เขาเชื่อว่าเขาจะสร้างธุรกิจจาก ความคิด ของเขาได้แม้จะไม่มีเงินทุน  เขาเชื่อว่า ความฝันของเขาขายได้

 

นี่อาจเป็นทางใหม่ ของผู้ประกอบการรุ่นใหม่ แนวคิดแนวทางแบบนี้ทำให้หนุ่มสาว ในอเมริกาและยุโรปสร้างความสำเร็จ จากการขายฝัน มามากแล้วครับ บางคนกลายเป็นเศรษฐี อายุน้อยๆ บางคนทิ้งปริญญาแต่รวยและสร้างผลงานระดับโลก มีเรื่องราวความสำเร็จมากมายให้เห็นและกล่าวถึง ตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมานี้ เขาเรียกธุรกิจแบบนี้ว่า Start up

 

 

มันไม่ใช่ธุรกิจขนาดย่อม ไม่ใช่ โอทอป แต่มันคือ START UP

 

Start up คือธุรกิจอะไรเรื่องราวของ Start up เริ่มที่  Silicon Valley ครับ Silicon vallay เป็นพื้นที่ แถวๆซานฟรานซิสโก USA ที่นี่ นับได้ว่าเป็นเมืองหลวงด้านเทคโนโลยีของโลก ถ้ามีใครคิดจะเติบโตในวงการเทคโนโลยีระดับโลก ก็ต้องมาตั้งสำนักงานกันที่นี่ Microsoft Apple Google Facebook U tube Zynga Instagram Snap chat  Pinterest อยู่กันตรงนี้ แม้กระทั่ง Samsung LG หรือบริษัทเทคโนโลยีสัญชาติใดก็ตาม

ถ้าคิดจะเป็นระดับโลกแล้ว ก็ต้องมาเปิดสำนักงานกันแถวนี้ ที่Silicon valley จึงมีการจ้างงานราคาสูง ให้สวัสดิการดี มีการแย่งตัวผู้บริหาร คนทำงานที่คิดเก่ง ทำงานเก่ง รายได้สูงมากครับ

 

บริษัทด้านเทคโนโลยีเหล่านี้ เอาชนะกันด้วย นวัตตกรรม ใครมี ผลิตภัณฑ์ที่ดีกว่า บริการที่ฉลาดกว่า ก็เดินต่อ

ใคร มีแต่ผลิตภัณฑ์ที่ล้าหลัง ก็จากไปบริษัทยักษ์ใหญ่ที่นี่ จึงทุ่มเงินเพื่อสร้าง นวัตตกรรม เพราะ นวัตตกรรม คือหัวใจของการอยู่รอดและเติบโตในแวดวง ไอที และ ต้นกำเนิดของนวัตตกรรม คือ  ความคิดสร้างสรรค์

 

การสร้างตัวด้วย แนวทาง Start Up จึงเกิดขึ้นมากมาย เพราะมันคือธุรกิจ ที่ไม่ต้องใช้เงินลงทุน  เพราะจะมีคนเสนอตัวมาลงทุนให้ มีบริษัทที่รวบรวมเงิน เพื่อมาให้ทุนแก่ ผู้ มีความคิด ขอแค่ มี ความคิดสร้างสรรค์

นั่นแหละครับ ที่มาของ Start up

 

นักศึกษา ที่มีความคิดสร้างสรรค์ จะจับกลุ่ม ตั้งทีมกันสร้างธุรกิจ Start up บางคนเข้ามาเรียนได้เพียงแค่ปีเดียว หรือสองปี ก็ลาออกไปทำงานกันแล้ว บางคนเวลาเรียนก็มุ่งสร้างงาน start up เป็นหลัก ส่วนการเรียนเป็นรอง

คือว่างๆก็ไปเรียน พวกนี้เรียนรอเวลาครับ ถ้า ความคิดขายได้ เมื่อไรก็ลาออกมาลุย การโดดเรียน เป็นปกติ

คือ เรียนไม่จบ ไม่มีปริญญา ไม่เป็นไร ขอให้ ความฝันของตนเอง สำเร็จก็พอจนมหาวิทยาลัยดังๆ ต้องเปลี่ยนการสอนให้ทันโลกของนักศึกษา

 

Success story มากมายกลายเป็นแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่วิ่งเข้าไป start up

 

MARK ZUCKERBERG หนึ่งในตำนานของ Start Up ผู้ที่เรียนไม่จบปริญญาตรีแต่สร้าง platform ที่ชื่อ Facebook เขาเพียงแค่ให้คนทั่วโลกทำงานให้เขา เราอัพสเตตัส แขร์  หรือ   like เราสนุก  เราอาจได้ประโยชน์  แต่นั่นคือ เรากำลัง ทำงาน ให้ Facebook ถ้า Facebook ยังได้รับความนิยมอย่างนี้ อีกไม่เกิน 6 ปี  ZUCKERBERG จะกลายเป็นคนที่รวยที่สุดในโลก และเป็นคนรวยที่สุดในโลกที่มีอายุไม่ถึง 40ปี

 

นี่แหละครับ  ความคิดสร้างสรรค์ ที่ขายได้

 

Evan Spiegel และ Bobby Murphy กลายเป็นมหาเศรษฐีแสนล้าน ที่มีอายุน้อยที่สุดในโลก จากโครงงาน Snap Chat ในขณะที่ เรียนอยู่ที่ Stanford University และวันนี้   Snap Chat  กลายเป็น Mobile app  ที่ได้รับความนิยมสูงมากในกลุ่มวัยรุ่น  ถึงขนาดที่ ZUCKERBERGทนไม่ไหว ไปขอซื้อ 100,000 ล้านบาท แต่ Spiegelและ Murphy ไม่ขาย

 

 

start up กลายเป็นแนวทางธุรกิจใหม่  สร้างเศรษฐีใหม่ ไปทั่วโลก Garrett Camp สร้าง แอพพลิเคชั่น Uber ซึ่งช่วยให้คนเรียกแทกซี่ได้ง่ายขึ้น กลายเป็นคนที่ทำรายได้  จากธุรกิจขนส่ง มากที่สุดในโลก ทั้งๆที่ไม่มีรถขนส่งของตนเองเลย Brian Chesky สร้าง airbnb ช่วยคนหาที่พัก และให้คนมีรายได้จากห้องว่าง ทำให้เขา กลายเป็นคนที่ทำรายได้จากธุรกิจโรงแรม มากที่สุดในโลกทั้งๆที่ไม่มีโรงแรมของตัวเองเลย

 

บริษัทที่ให้เงินลงทุนใน start up มีมากขึ้นเรื่อยๆ และขยายตัวมาลงทุนแถบเอเซียนี้มาก

เพราะแถวนี้ ค่าตัวไม่สูง ความคิดสร้างสรรค์มีกันมาก บริษัทนักลงทุนของ สิงคโปร์ ฮ่องกง เองก็เปิดหา start up  กันมากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนในบ้านเรา AIS dtac และ TRUE ก็เริ่มมีโครงการรับซื้อ ฝัน กันแล้ว ใครมีฝัน ไม่มีเงิน ก็ไม่ยากแล้ว

 

Ookbee” E-book ไทยระดมทุนได้ 70 ล้านบาท

“Builk” ผู้ให้บริการเครื่องมือบริหาร ธุรกิจก่อสร้างออนไลน์ ที่สามารถระดมทุนได้14 ล้านบาท

“Wongnai Media” แอพพลิเคชันรีวิวร้านอาหาร ได้ไป 35 ล้านบาท

 

โอกาส เริ่มใส ใคร ๆ ก็เริ่มเห็น

ผมให้คำแนะนำกับ น้องที่มาปรึกษาไปว่า  ก่อนอื่น รู้ข้อมูลเบื้องต้นก่อนนะ

 

1      Start up ที่สำเร็จมีแค่ ไม่ถึง10% นอกนั้นล้ม  เรื่องล้มเขาลืมกันไป ไม่มีใครมาเล่า เราจึงเห็นแต่เรื่องสำเร็จ

 

2      คนที่จะมาให้เงินเรานั้น คือบริษัท ไม่ใช่มูลนิธิ เขาจะให้เงินเราเมื่อเขาประเมินว่าคุ้มค่า และเขาจะได้ผลตอบแทนคืนพร้อมกำไร

 

3      คนที่กำลังคิดแบบเรา มีอีกทั่วไป ทั่วโลกด้วย

 

4      ไม่มีอะไรที่ ได้มาง่ายๆ และยั่งยืนไปนานๆ

 

 

แล้วอะไรจะทำให้ start up มีโอกาสสำเร็จ

 

1      สิ่งที่เราทำต้อง เป็น นวัตตกรรม คือไม่เคยมีใครทำมาก่อน ถ้ามีคนเคยทำ สิ่งที่เราทำก็ต้องดีกว่า

 

2      ก่อนลงมือ ทำต้องคิดเยอะๆ นำไปให้คนวิพากษ์ เยอะๆ อย่าไปฟังแต่คำชม ให้เก็บคำติ มา ปรับปรุง

 

3      ต้องทุมเท ต้องจริงจัง ต้องมีแผนชัดเจน ถ้าทำไปเรื่อยๆ จะไม่มีทางสำเร็จ เพราะเทคโนโลยีเปลี่ยนเร็ว

 

4      นำเสนอง่ายๆ ให้ได้แค่ สามข้อ

 

หนึ่ง คุณค่าของที่เราทำนั้นคืออะไร มันไปช่วยอะไรให้เขาดีขึ้น สะดวกขึ้น ง่ายขึ้น ประหยัดขึ้น ฯลฯ

 

สอง  ใครจะใช้ คือทำมาเพื่อใคร ตอบชัดๆที่สุด ใครคือผู้ใช้ นวัตตกรรมนี้ เขาอยู่ที่ไหน อายุประมาณเท่าไร  นิสัยอย่างไร ฯลฯ

 

สาม   ทำไมเขาต้องใช้ของเรา เขาไปใช้ของคนอื่นดีกว่าไหม เขามีของเคยใช้อยู่แล้วหรือเปล่า   ฯลฯ

 

 

ถ้ายังตอบสามข้อนี้ไม่ได้ หรือไม่ชัด  กลับไปคิดใหม่ครับ

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ