ไสว่าสิบ่ถิ่มกัน : เสน่ห์ ศรีสุวรรณ

columnist

“ไสว่าสิบ่ถิ่มกัน ไสว่าสิมีกันและกัน ไสว่าสิฮักแพงกัน ไสว่าสิมีกันตลอดไป ไสว่าสิบ่ถิ่มกัน ไสว่าสิมีกันเรื่อยไป ไสว่าสิบ่แบ่งใจ ไสว่าสิมีแต่เฮา”

“ไสว่าสิบ่ถิ่มกัน ไสว่าสิมีกันและกัน ไสว่าสิฮักแพงกัน ไสว่าสิมีกันตลอดไป ไสว่าสิบ่ถิ่มกัน ไสว่าสิมีกันเรื่อยไป ไสว่าสิบ่แบ่งใจ ไสว่าสิมีแต่เฮา”

 

เนื้อเพลงท่อนฮุกของเพลง “ไสว่าสิบ่ถิ่มกัน” เป็นเพลงอีสานขนานแท้ใช้ภาษาท้องถิ่นคือภาษาอีสานเกือบทั้งเพลง ผู้แต่งและผู้ร้องเป็นคนคนเดียวกันชื่อจริงว่า “อัครเดช ยอดจำปา” ใช้นามปากกาว่า “ก้องหล้า ยอดจำปา” หรือ“ก้อง ห้วยไร่” เป็นคนวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร เป็นเพลงที่โด่งดังไปทั่วประเทศในโลกออนไลน์ นักร้องสาวผู้เข้าประกวดในรายการ “เดอะวอยซ์” ไข่มุก รุ่งรัตน์ ได้นำเพลงนี้มาร้องยิ่งทำให้เพลงนี้กลายเป็นเพลงฮิตของคนที่เป็นแฟนรายการเดอะวอยซ์ไปกันใหญ่

 

ผมพอเข้าใจภาษาอีสานนิดหน่อย ได้ฟังเพลงนี้ครั้งแรกจากการเข้าไปวิวในยูทูบเพราะมีคนส่งเป็นลิงค์มาให้ฟังและบอกว่าเพลงนี้กำลังดังเป็นกระแสมาแรงมาก ชื่อเพลงโดนใจมากแต่ไม่เข้าใจความหมาย พอจะรู้ความหมายภาษาอีสาน “ไส” แปลว่า “ไหน” เพราะผมเคยเล่าตัวอย่างสนุกๆในรายการทอล์คโชว์ว่าคุณนายขึ้นรถทัวร์ไปตามดูสามีที่ไปรับราชการอยู่ที่โคราช ลงจากรถทัวร์คนนายก็ขึ้นนั่งสามล้อถีบให้ถีบไปเรื่อยๆเดี๋ยวจะบอกทางให้เอง สามล้อก็ถีบไปเรื่อยนานพอสมควรก็ยังไม่ถึงที่ซะที เผอิญจังหวะที่กำลังถีบขี้นสะพานคนถีบสามล้อก็หันมาพูดกับคุณนายว่า

 

“คุณนายลงไส”

 

คุณนายได้ยินเลยโดดลงจากสามล้อช่วยเข็นรถสามล้อขึ้นสะพาน เพราะเข้าใจว่าคนขับสามล้อขอให้คุณนายลงจากรถไปช่วยไสรถหรือเข็นรถ ความจริงแล้วคนขับสามล้อจะถามคุณนายว่า “คุณนายจะลงที่ไหน”

ตอนแรกผมก็คิดว่าเพลง “ไสว่าสิบ่ถิ่มกัน” แปลว่า “ไหนว่าจะไม่ทิ่มกัน” แต่ก็แปลกใจในความหมายว่าทำไมต้องมาต่อว่ากันเป็นเพลงหรือทิ่มกันหมายถึงการทิ่มแทงหักหลังกัน จนไปค้นหาความหมายในภาษาอีสานที่ถูกต้องจึงทราบเพลงนี้แปลเป็นภาษากลางว่า “ไหนว่าจะไม่ทิ้งกัน” เป็นเพลงที่ต่อว่าต่อขานหญิงที่เปลี่ยนใจบอกว่าไปกันไม่ได้ทั้งที่เคยบอกว่าจะไม่ทิ้งกัน จะมีกันและกัน จะไม่แบ่งปันใจให้ใคร จะมีแต่เราตลอดไป กลายเป็นเพลงที่โดนใจผู้ฟังโดยเฉพาะคนอีสาน สำหรับคนภาคและภาคอื่นฟังแล้วก็รู้สึกชื่นชอบมีคำติดหูคือคำว่า “ถิ่มกัน” ซึ่งส่วนใหญ่ก็คิดว่าหมายถึง “ทิ่มกัน” เหมือนกับผมที่ฟังครั้งแรก

 

ที่น่าสนใจก็คือเพลงนี้เป็นเพลงประเภทแต่งกันเองบรรเลงกันเอง นำโดยก้อง ห้วยไร่และกลุ่มหนุ่มที่รักในเสียงเพลงทำออกมาในรูปแบบมิวสิควีดีโอโพสต์ไว้บนยูทูบเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2558 ปรากฏว่ามีคนเข้ามาชมและฟังเป็นจำนวนมากในเวลาอันรวดเร็ว ผ่านไปประมาณแค่หกเดือนมีคนเข้าไปชมและฟังแล้วเกือบห้าสิบล้านวิวถือว่าเป็นเพลงที่ได้รับความนิยมสูงมากทางโลกออนไลน์ ตามมาด้วยมิวสิควีดีโอเรื่องใหม่ๆอีกหลายเรื่อง แถมมีคนนำเพลงไปร้องไปพูดถึงกันอีกมายมาย ก้อง ห้วยไร่ ได้รับเชิญไปออกรายการโทรทัศน์สัมภาษณ์และร้องเพลงนี้หลายรายการกลายเป็นรู้จักไปทั่วประเทศ มีงานให้ก้อง ห้วยไร่และวงไปแสดงตามเวทีและงานอีเว้นท์ต่างๆมากมายกลายเป็นศิลปินนักร้องคิวทองไปในเวลาอันรวดเร็ว

 

นี่คือปรากฏการณ์ทางการตลาดสมัยใหม่ที่ใช้สื่อออนไลน์สร้างความสำเร็จแบบที่เรียกว่า ไวรอลมาร์เก็ตติ้ง (Viral Marketing) เป็นการตลาดแบบไวรัส แพร่ต่อออกไปอย่างรวดเร็วผ่านทางสื่อสังคม(Social Media)ที่ได้รับความนิยมกันอยู่แล้วเช่น YOUTUBE, FACEBOOK, TWITTER, IG, LINE เป็นต้น ปกติจะเผยแพร่ออกไปในรูปแบบ Video Clip, Image เป็นภาพ เป็นโปสเตอร์, Text Messages เป็นข้อความ ทำให้เกิดการบอกต่อโดยการแชร์ส่งลิงค์และพูดถึงผ่านสื่อกระแสหลักต่างๆ

 

ในอดีตศิลปินนักร้องทุกค่ายจะมีอัลบั้มเพลงใหม่ออกมาแล้วนำมาเปิดทางรายการวิทยุและโทรทัศน์ รายการโทรทัศน์บางรายการเปิดและโปรโมทมิวสิควีดีโอเพลงอย่างเดียวทั้งรายการ รายได้ของศิลปินและเจ้าค่ายเพลงมาจากการจำหน่ายเทป ซีดีหรือวีดีโอ จนเกิดกรณีเทปผีซีดีเถื่อนละเมิดลิขสิทธิ์จับเท่าไหร่ก็ไม่หมด ปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบธุรกิจมาใช้ประโยชน์จากสื่อสังคมดิจิตอลออนไลน์มากขึ้นและจะมากขึ้นเมื่อก้าวไปสู่ยุค 4Gและ5G ผ่านทางสมาร์ทโฟน แทบเล็ต รายได้จากการขายเทปขายซีดีหายไปโดยปริยาย ไปได้รายได้จากการขายโฆษณาการวิวทางสื่อสังคม การออกงานอีเว้นท์ พรีเซ็นเตอร์โฆษณา แสดงละคร ฯลฯ

 

มิวสิควีดีโอเพลง “แว้นฟ้อหล่อเฟี้ยว” ของ แจ๊ส สปุ๊กนิค ปาปิยอง กุ๊กกุ๊ก (แจ๊ส ชวนชื่น) ดาวตลกชื่อดัง ที่โพสต์ไว้บนยูทูบเมื่อ 2 มีนาคม 2558 เป็นที่ฮือฮาและมีกรณีดราม่าทวงสิทธิ์ความเป็นเจ้าของเพลงจากตลกรุ่นพี่ผ่านไปประมาณ 10 เดือนมียอดคนชมเกือบ 130 ล้านวิวซึ่งถือว่าสูงมาก ต่อยอดมาออกสื่อหลักคือโทรทัศน์ ทำให้แจ๊ส ชวนชื่น เป็นศิลปินตลกแนวหน้าเป็นพิธีกรรายการโทรทัศน์หลายรายการ รับงานแสดงและร้องเพลงนี้ไปทั่วประเทศ

 

ไซ(PSY) นักร้องชาวเกาหลีใต้สร้างความฮือฮาไปทั่วโลกด้วยการโพสต์มิวสิควีดีโอเพลง “กังนัมสไตล์(KANGNAM STYLE) ลงบนยูทูบ ตั้งแต่ 15 กรกฎาคม 2555 คนจากทั่วโลกเข้าไปชมแล้วเอามาร้องมาเต้นท่าควบม้าตามแบบของไซกันอย่างสนุกสนาน ผ่านมาสามปีครึ่งมีคนเข้าไปชมมิวสิควีดีโอเพลงนี้ไปแล้วเกือบ 2,500 ล้านวิว น่าจะเป็นยอดการวิวคลิปที่สูงที่สุดในโลกมากที่สุดในประวัติศาสตร์ยากที่ใครจะเทียบได้ ไซกลายเป็นนักร้องผู้มีชื่อเสียงได้รับเชิญไปแสดงทั่วโลก

 

การทำธุรกิจในยุคปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นขนาดใหญ่ ขนาดกลาง ขนาดย่อม ธุรกิจแรกเริ่ม ธุรกิจส่วนตัวต้องพร้อมที่จะรับมือกับความเปลี่ยนแปลงและใช้ประโยชน์จากสื่อสังคมดิจิตอลออนไลน์ให้มากที่สุด ประชากรที่เข้าถึงสื่อนี้โดยตรงนับวันจะมากขึ้นในทุกกลุ่มทุกเพศทุกวัย บางธุรกิจอาจโด่งดังในเวลาอันรวดเร็ว แต่ถ้าทำอะไรไม่ดีก็อาจจะเสียชื่อถูกลงโทษทางสังคมอย่างกว้างรวดเร็วจัดเต็มแบบดาราคนดังหรือดีเจบางคน

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ