คุณยศศิริ มิตรไพบูลย์ กล่าวว่า ในสัปดาห์ที่ผ่านมา “น้ำมัน” ก็ยังเป็นประเด็นสำคัญที่ทำให้ตลาดหุ้นปั่นป่วน และคาดว่าจะมีผลกระทบต่อไปอีกหลายสัปดาห์ ปัจจุบันราคาน้ำมันมีขึ้นและลง ซึ่งตั้งแต่เดือนมิถุนายนปีที่ผ่านมา ราคาน้ำมันโตไปมากกว่า 50% ช่วงเดือนมกราคมพุ่งขึ้นมาอีก 20% และก็ตกลงไปอีก ประเด็นที่ขึ้นมาในช่วงเดือนมกราคม เพราะตลาดมองว่าจำนวนฐานขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐอเมริกาเริ่มลดลง คาดว่าการดำเนินการของประเทศซาอุดิอาระเบียกับโอเปคเป็นผล คือ dump ตลาดให้เขาตาย มีการล้มละลายกันไปบ้างสำหรับบริษัทขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐ ก็ทำให้ราคาน้ำมันสูงขึ้น นอกจากนี้ในช่วงปลายเดือนมกราคม พอมีสัญญาณแบบนี้ คนที่ short น้ำมันไว้ ก็ cover short ก็เลยทำให้ราคาพุ่งสูงขึ้นไป แต่พอมีการประกาศสต็อกน้ำมันสหรัฐออกมามากที่สุดเป็นประวัติการณ์ตั้งแต่เก็บข้อมูลมา ก็เลยทำให้ราคาน้ำมันตกลงไปอีก
แต่ข้ามคืนที่ผ่านมา (คุณยศศิริ ให้สัมภาษณ์เย็นวันศุกร์) มีความขัดแย้งในลิเบีย โดยลิเบียเป็นผู้ส่งออกน้ำมันอันดับต้นๆในโอเปค ก็ทำให้ราคาน้ำปรับสูงขึ้นมาอีก ขณะนี้ราคาน้ำมันแกว่งได้ถึง 4-7% ต่อวัน เวลาน้ำมันแกว่งทำให้สิ่งต่างๆกลับข้างกันไปหมด
อีกประเด็นที่น่าสนใจคือทางด้านกรีซ รัฐบาลใหม่หาเสียงโดยใช้นโยบายประชานิยม และไปสัญญาว่าจะไปเจรจากับ Troika ให้ตัดหนี้และยกเลิกมาตรการรัดเข็มขัด ปรากฏว่าไปเจรจาในยุโรป เจอรัฐมนตรีคลังของเยอรมัน บอกว่าหาเสียงอย่างนี้ได้อย่างไร คือไปหาเสียงในประเทศ และจะไปบังคับให้คนต่างประเทศต้องทำได้อย่างไร ซึ่งก็ยังมองไม่เห็นทางออก ประเด็นกรีซมีศักยภาพในการสร้างความปั่นป่วนในยุโรปและจะกระทบถึงโลก
สำหรับทางธนาคารกลางของประเทศจีนได้ออกมาปรับลดสำรองเงินฝาก และปัจจุบันมีการปรับกรอบของค่าเงินหยวนให้บวกหรือลบไม่เกินข้างละ 2% และดันอัตราค่ากลางขึ้นไปสูงจนทำให้ค่าเงินหยวนแข็งขึ้น เพราะต้องการที่ป้องกันการไหลออกของเงิน
