คุณยศศิริ มิตรไพบูลย์ กล่าวว่า สำหรับประเด็นการเลือกตั้งของกรีซ เมื่อวันที่ 25 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งพรรคฝ่ายค้าน หรือพรรคไซรีซา ที่คว้าชัยในการเลือกตั้งครั้งนี้ไป และสามารถตั้งรัฐบาลได้ภายใน 1 วัน ทางด้าน ECB ก็มีการเรียกประชุมรัฐมนตรีการคลัง โดยที่ไม่มีรัฐมนตรีการคลังของกรีซ เพราะกรีซตั้งรัฐมนตรีการคลังไม่ทัน หลังจากนั้นก็สร้างแรงกังวลให้กับตลาดหุ้นทั้งในยุโรปและตลาดโลก ต้องรอดูกันว่ากรีซจะทำอย่างไรต่อไปซึ่งตอนนี้ก็ยังออกมาไม่ชัดเจน เพราะว่านายอเล็กซิส ไซปราส หัวหน้าพรรคไซรีซา ก็มีนโนบายที่จะไปเจรจากับ 3 ฝ่าย คือ EU, IMF และ ECB ซึ่งเป็นเจ้าหนี้และต้องการจะให้ลดหนี้ให้ด้วย
นอกจากนี้ คุณเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางของสหรัฐอเมริกา หรือเฟด ก็ได้กล่าวถึง สภาพเศรษฐกิจโดยทั่วไป รวมถึงประเด็นที่นักลงทุนทั้งในตลาดยุโรป, สหรัฐอเมริกา และตลาดโลก จับตามองคือ เฟดจะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นเมื่อไร ซึ่งเฟดคาดการณ์ว่าจะปรับขึ้นประมาณเดือนมิถุนายน แต่ตลาดกลับคาดการณ์ว่าอาจจะปรับขึ้นประมาณปลายปี หรือต้นปีหน้า
ขณะที่คุณเจเน็ต เยลเลนก็มองว่า เศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาในตอนนี้อยู่ในระดับที่ดี แต่ก็ยังมีความกังวลค่อนข้างหนักในเรื่องภาวะการจ้างงาน จึงยังไม่มีการปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นในทันที และการชะลอตัวของเศรษฐกิจในโลกด้วย รวมทั้งที่ยุโรป, จีน และญี่ปุ่นด้วย
และอีกเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจคือ บลูมเบิร์ก ตีพิมพ์บทความของ นายอาร์เซนีโอ บาลีซากัน (Arsenio Balisacan) รัฐมนตรีกระทรวงวางแผนเศรษฐกิจของฟิลิปปินส์ เปิดเผยว่า “ฟิลิปปินส์ไม่ได้เป็นคนป่วยของเอเชีย และกลายเป็นคนเข้มแข็ง ข้ามประเทศไทยไปแล้ว” และยังกล่าวว่าเศรษฐกิจฟิลิปปินส์มีการขยายตัว 6.9% ในไตรมาสที่แล้วจากปีก่อน โดยฟิลิปินส์เติบโตเกิน 6% ติดต่อกันเกิน 3 ปี แซงหน้าประเทศไทยและมีการย้ำว่าไทยมีปัญหาหนักในเรื่องความไม่แน่นอนทางการเมือง และการขาดการค้นคว้าวิจัย การประดิษฐ์สิ่งใหม่ๆ ทำให้ประเทศไทยมีเทคโนโลยีที่ล้าสมัย โดยเฉพาะด้านอิเล็กทรอนิกส์ นอกจากนั้นยังมีการพูดถึงประชากรด้วยว่า อัตราการเกิดโดยเฉลี่ยของฟิลิปินส์ระหว่างปี 2010-2015 คาดว่าอยู่ที่ 3.1% เปรีบบเทียบกับอัตราการเกิดของไทยอยู่ที่ 1.4% ทำให้พลเมืองของไทยในวัยทำงานมีน้อยกว่าฟิลิปปินส์