เทคโนโลยีเปลี่ยนโลก : เสน่ห์ ศรีสุวรรณ

columnist

ความเชื่อดั้งเดิมที่ว่าเทคโนโลยีเป็นเรื่องของคนยุคใหม่ เปลี่ยนไปแล้ว ด้วยความเป็นมิตรและง่ายขึ้นทำให้คนทั้งยุคเก่าและยุคใหม่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนเกิดใหม่จะกลายเป็นชาวเทคโนโลยี (Technological Native) คุ้นเคยเข้าถึงเทคโนโลยีกันตั้งแต่เกิด

……จากหนังสือ The Innovator’s Dilemma ของ ศาสตราจารย์ เคลย์ตัน เอ็ม คริสเต็นเซ็น (Clayton M. Christensen) แห่งวิทยาลัยบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ตีพิมพ์เมื่อปี 1997 เรียกปรากฏการณ์ที่จะเกิดขึ้นว่า Disruptive Technology หรือ Disruptive Innovation หมายถึงเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมที่พลิกโฉมลบล้างของเก่า มาถึงวันนี้และมองไปสู่อนาคตข้างหน้าต่างยอมรับกันว่าเทคโนโลยีเปลี่ยนโลกเราไปจริงๆ

เทคโนโลยีเข้ามาข้องเกี่ยวกับเราทั้งในเรื่องงานและส่วนตัวทุกที่ทุกเวลาแบบขาดไม่ได้ไปซะแล้ว วันใด เวลาใด ที่เกิดการขัดข้องทางเทคโนโลยีเราก็แทบจะทำอะไรไม่ได้ ต้องรอให้เทคโนโลยีกลับมาใช้งานได้ตามปกติ ความเชื่อดั้งเดิมที่ว่าเทคโนโลยีเป็นเรื่องของคนยุคใหม่เปลี่ยนไปแล้ว ด้วยความเป็นมิตรและง่ายขึ้นทำให้คนทั้งยุคเก่าและยุคใหม่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนเกิดใหม่จะกลายเป็นชาวเทคโนโลยี (Technological Native) คุ้นเคยเข้าถึงเทคโนโลยีกันตั้งแต่เกิด

เทคโนโลยีทำให้หลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไป จากเขียนจดหมายถึงกันมาเป็นส่งอีเมลส่งโซเชียลมีเดียถึงกัน  ส่งการ์ดอวยพรปีใหม่อวยพรวันคล้ายวันเกิดมาเป็นส่งอีการ์ดผ่านอินเตอร์เน็ตหรือโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ค การติดต่อพูดคุยกันทางโทรศัพท์บ้านเปลี่ยนเป็นโทรศัพท์มือถือหรือโซเชี่ยลมีเดียจนปัจจุบันแทบไม่ค่อยได้ใช้งานโทรศัพท์บ้านสุดท้ายยกเลิกการใช้งานไปเลย การติดต่อสื่อสารกันข้ามพื้นที่ข้ามประเทศข้ามทวีปเป็นไปอย่างรวดเร็วง่ายดาย

ยุคเทคโนโลยีเปลี่ยนโลกเช่นนี้ส่งผลกระทบกับธุรกิจต่างๆ มากมายให้ต้องปรับตัวรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่พลิกโฉมแบบสิ้นเชิง ตัวอย่างเช่น

ธุรกิจค้าปลีก (Retail) เช่น ห้างสรรพสินค้า ไฮเปอร์มาร์เก็ต ที่ปกติลูกค้ามักไปเดินช้อปปิ้งเลือกซื้อสินค้าด้วยตนเองจะโดนตลาดอีคอมเมิร์ซหรือการสั่งสินค้าออนไลน์เข้าแบ่งตลาดมากขึ้นเป็นลำดับ ผมไปสหรัฐอเมริกามาเมือสี่ห้าเดือนก่อนเห็นความเปลี่ยนแปลงนี้ชัดเจน จากการไปเดินห้างชื่อดังของอเมริกาเช่นวอลมาร์ท, คอสโค, เมอร์ซี่ เห็นได้ชัดเจนว่าลูกค้าเข้าไปเดินช้อปปิ้งน้อยลงกว่าเมื่อตอนผมไปอเมริกาเมื่อสี่ปีก่อน เหตุผลสำคัญก็คือลูกค้าจำนวนไม่น้อยนิยมสั่งสินค้าออนไลน์ผ่านอเมซอนดอทคอม ซึ่งมีราคาไม่แพงกว่าการซื้อที่ห้างฯ ไม่ต้องขนของเพราะมีบริการไปส่งให้ถึงที่บ้าน ถ้าต้องการเปลี่ยนหรือคืนของภายในสิบห้าวันตามข้อปฏิบัติการซื้อสินค้าในสหรัฐอเมริกาก็มีบริการไปรับส่งสินค้าเช่นกัน ลูกค้าจำนวนหนึ่งจะไปเดินดูสินค้าในห้างเดินเปิดแอพพลิเคชั่นของอเมซอนดอทคอมเทียบราคาและถ้าพอใจก็สั่งซื้อออนไลน์ได้เลย กลายเป็นว่าห้างเป็นที่โชว์สินค้าแต่เวลาสั่งซื้อผ่านออนไลน์ ล่าสุดห้างวอลมาร์ทปรับกลยุทธ์ด้วยการซื้อธุรกิจสตาร์ทอัพอีคอมเมิร์ซ Jet.com เพื่อสู้กับอเมซอนดอทคอม ผมเชื่อว่าธุรกิจขายปลีกบ้านเราก็จะต้องเจอผลกระทบธุรกิจผ่านเทคโนโลยีแบบนี้เช่นกัน จึงเห็นได้หลายห้างเริ่มเดินธุรกิจออนไลน์ของตัวเองและปรับพื้นที่ไปขายพวกอาหารเครื่องดื่มมากขึ้นเพราะไม่ถูกผลกระทบ

ธุรกิจธนาคารและสถาบันการเงิน (Bank & Finance) เป็นธุรกิจขนาดใหญ่ที่เติบโตและมีบทบาทด้านธุรกรรมการเงินของคนทั้งโลกมาเป็นเวลานาน ถึงคราวโดนผลกระทบเต็มๆจากเทคโนโลยีเปลี่ยนโลกจากนวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่เรียกว่า FINTECH หรือเรียกเต็มๆว่า Financial Technology เข้ามารองรับการทำธุรกรรมการเงินที่ไม่ต้องผ่านธนาคาร ทำให้การเข้าถึงทางการเงินเป็นไปได้โดยสะดวกรวดเร็วประหยัดค่าใช้จ่ายที่เป็นค่าธรรมเนียมที่เคยจ่ายให้กับธนาคารหรือสถาบันการเงิน  และจะครอบคลุมไปถึงธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการเงินอื่นๆอีกด้วยเช่น บัตรเครดิต ประกันชีวิต ประกันภัย การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ฯลฯ

ธุรกิจสิ่งพิมพ์ (Printing) ได้แก่ธุรกิจหนังสือพิมพ์ นิตยสาร หนังสือพ็อกเก็ตบุ้ค ฯลฯ ได้รับผลกระทบจากสิ่งพิมพ์ออนไลน์แบบเต็มๆ หนังสือพิมพ์เกือบทุกฉบับจึงปรับตัวมาทำหนังสือพิมพ์ออนไลน์ควบคู่กันไป ส่วนหนังสือพ็อกเก็ตบุ้คก็ต้องปรับตัวสู้กับธุรกิจอีบุ้คที่ผ่านอ่านเพียงดาวน์โหลดหนังสือที่ต้องการอ่านมาอ่านได้โดยสะดวก ในขณะที่นิตยสารเก่าแก่หลายฉบับโดยเฉพาะนิตยสารด้านแฟชั่นรับมือไม่ไหมต้องทยอยปิดตัวไปเช่น กุลสตรี, Image, Cosmopolitan, Who, พลอยแกมเพชร, I Link ฯลฯ

ธุรกิจโฆษณา (Advertising) ก็ได้ผลกระทบเป็นอย่างมากจากเดิมสื่อโฆษณาที่สำคัญได้แก่ โทรทัศน์ วิทยุ สิ่งพิมพ์ ป้ายโฆษณา โดนผลกระทบโดยตรงจากการโฆษณาผ่านสื่อสังคม อินเตอร์เน็ต สื่อออนไลน์ ส่งผลกระทบไปถึงธุรกิจทีวีดิจิตอลที่แข่งขันแย่งโฆษณากันอย่างรุนแรง บริษัทโฆษณาที่งานสร้างภาพยนตร์โฆษณาและวางสื่อโฆษณาน้อยลง ดาราคนดังที่เป็นพรีเซ็นเตอร์ก็มีบรรดาเน็ตไอดอล พริตตี้ มาแย่งงานโฆษณารีวิวสินค้ากันมากมายผ่านทางเว็บไซด์ สื่อสังคม อินเตอร์เน็ต ฯลฯ

เทคโนโลยีเปลี่ยนโลกทำให้ธุรกิจใหม่ๆ งานใหม่ๆ ขึ้นมาอีกมากมาย เป็นโอกาสของธุรกิจสตาร์ทอัพที่ใช้เทคโนโลยีธุรกิจดั้งเดิมต้องปรับตัวและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีให้มากขึ้น  ในขณะที่ลูกค้าหรือผู้บริโภคได้ประโยชน์และมีทางเลือกมากมาย

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ