หน้าแล้งที่เพิ่งจะหมดไปทำให้ภาคการเกษตรของไทยนั้นดีขึ้นมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าเกษตรที่เป็นสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวดีขึ้น ยกตัวอย่างเช่น ยางพารา ปาล์มน้ำมัน อ้อย เป็นต้น สิ่งเหล่านี้เป็นสัญญาณดีที่จะทำให้เราเห็นการเติบโตของภาคการเกษตรปรับตัวดีขึ้นในอนาคต เมื่อสัญญาณดีแบบนี้โอกาสที่สินเชื่อที่เกี่ยวข้องกับการเกษตรจะกลับมาก็มีไม่น้อยทีเดียว
หุ้นสินเชื่อเกษตรกรมีแววน่าจะกลับมา?
ภาคการเกษตรในประเทศไทยเราเพิ่งผ่านพ้นช่วงภัยแล้งมา เมื่อฝนมาฤดูกาลเพาะปลูกก็เริ่มอีกครั้ง และก็มาถึงฤดูกาลเก็บเกี่ยว สิ่งที่จะคอยหล่อเลี้ยงให้การเกษตรดำเนินไปได้ก็คือ สินเชื่อ การเกษตรที่เป็นเหมือนกับสภาพคล่องของคนเกษตรให้ผ่านพ้นตลอดรอดฝั่ง
จากการขุดหุ้นอยู่ตลอดเวลาทำให้ผมไปพบกับ หุ้นสินเชื่อการเกษตร ตัวหนึ่ง ที่เมื่อลองพิจารณาดูแล้ว แม้เป็นหุ้นตัวเล็ก แต่ก็มีโอกาสจะกลับมาไม่น้อย แต่เราต้องเข้าใจก่อนว่า หุ้นที่เกี่ยวข้องกับการเกษตรนั้น การเติบโตของสินเชื่อจะขึ้นอยู่กับสินทรัพย์ที่คนที่ขอสินเชื่อ หรือคนกู้นำมาค้ำประกันเพื่อให้สถาบันปล่อยเงินกู้ ถ้าหากกิจการใดใช้สินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูง เช่น รถยนต์ หรือมอเตอร์ไซค์ ก็มีโอกาสทีหุ้นของบริษัทจะเติบโตเร็วตามความต้องการใช้เงินของผู้ขอกู้ แต่หุ้นตัวที่ผมนำมาพิจารณาเป็นหุ้นตัวเล็กที่ยังมีราคาไม่แพง เนื่องจากกิจการนี้ใช้รถเกี่ยวนวดข้าวเป็นสินทรัพย์ค้ำประกันเพื่อปล่อยกู้ และการปล่อยกู้ส่วนใหญ่ยังเป็นลักษณะของไฟแนนซ์รถเกี่ยวนวดข้าว แม้ในอนาคตจะเริ่มมีนาโนไฟแนนซ์ และสินเชื่อรถเกี่ยวนวดข้าวแลกเงิน แต่อัตราการเติบโตก็ยังต่ำอยู่
หุ้นสินเชื่อ รายได้ของกิจการเหล่านี้ส่วนใหญ่คืออะไร?
สิ่งที่ผมพบก็คือ หุ้นสินเชื่อ หุ้นนาโนไฟแนนซ์ รายได้ของกิจการเหล่านี้ส่วนใหญ่คือ ดอกเบี้ยที่เก็บได้จากการปล่อยสินเชื่อออกไป และถูกบันทึกเป็นรายได้ แต่ในกรณีที่มีการส่งทั้งต้น และดอกเบี้ย ก็จะมีรายรับทั้งเงินต้น และดอกเบี้ยด้วย
หุ้นตัวที่ผมนำมาพิจารณาเป็นหุ้นที่ปล่อยสินเชื่อให้กับรถเกี่ยวนวดข้าวเป็นหลัก ดังนั้นภาพการเติบโตของรายได้จะไม่โตเร็วเหมือนกับหุ้นประเภทที่ปล่อยสินเชื่อให้กับรถยนต์ หรือมอเตอร์ไซค์ เนื่องจากรถเกี่ยวนวดข้าวนั้นมีปริมาณจำกัด และเป็นเครื่องจักรเฉพาะที่ใช้ในนาข้าว ไม่ได้แพร่หลายมากนัก โดยรถเกี่ยวนวดข้าวหนึ่งคันจะมีราคาค่างวดราว 2 ล้านบาทต่อคัน
สินเชื่อเกษตร GCAP
ตัวอย่างหุ้นสินเชื่อเกษตร GCAP โครงสร้างรายได้ส่วนใหญ่มาจากดอกเบี้ยสินเชื่อ และส่วนน้อยมาจากค่าธรรมเนียม ค่าปรับ และอื่นๆ
สิ่งที่ผมพบก็คือ บัญชีลูกหนี้ของกิจการนั้นถดถอยลง จากเดิมมีราว 800 ล้านบาท ในปีที่แล้ว 2558 ลดลงเหลือเพียง ราว 700 ล้านบาท ในปีนี้ เป็นการลดลงที่ค่อนข้างมากทีเดียว และบัญชีลูกหนี้ที่ไม่มีปัญหา ก็ลดลงจากเดิม 500 เหลือเพียง 290 ล้านบาท สิ่งนี้สะท้อนปัญหาภาคเกษตรกรอย่างเห็นได้ชัด
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ผมเฝ้าสังเกตก็คือ หากปัญหาภาคเกษตรเริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น หุ้นตัวนี้ก็อาจจะกลับมาได้ โดยในปัจจุบันรถเกี่ยวนวดข้าวนั้นมีงานล้นมือ บัญชีลูกหนี้ที่เคยมีปัญหาก็อาจจะกลับมาเป็นปกติได้เช่นกัน และเมื่อทุกอย่างเริ่มดีขึ้นหุ้นก็น่าจะปรับตัวขึ้นได้ตามภาวะที่ดีขึ้นเช่นกัน ซึ่งต้องติดตามต่อไปครับ
(นายแว่นธรรมดา)