จับประเด็นเล่นหุ้น-ทำเงินให้งอกเงย : “หุ้นความงาม BEAUTY กับเรื่องราวที่จะได้ไปต่อ?”

คณิต นิมมาลัยรัตน์

ปัจจุบัน BEAUTY มีแผนการขยายสาขาต่อเนื่อง ซึ่งปีนี้ในไทยมีแผนเปิด BEAUTY BUFFET 30 สาขา, BEAUTY COTTAGE 15 สาขา และ BEAUTY MARKET 5 สาขา ทำให้สิ้นปีที่แล้วสาขาเพิ่มเป็น 382 สาขา

หุ้นที่ขึ้นมาเยอะแล้ว ไม่ได้หมายความว่ามันจะไปต่อไม่ได้ … ถ้าใครที่คิดว่าหุ้นขึ้นมาเยอะแล้ว คือ หุ้นราคาแพง และเป็นหุ้นที่เต็มมูลค่าไม่น่าจะไปต่อได้แล้ว … คงต้องลองกลับความคิดเสียใหม่ครับ … หุ้นบางตัวแม้ขึ้นมาเยอะ แต่ก็ยังไปต่อได้อีก ยกตัวอย่างเช่น หุ้น cpall ที่เคยอยู่ที 3-7 บาทต่อหุ้น เมื่อเกือบสิบปีที่แล้ว แต่ปัจจุบันราคาขยับปรับเป็นกว่า 60-70 บาทต่อหุ้นแล้ว …

ลักษณะของหุ้นที่ขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก็คือ “หุ้นเติบโต” หรือ Growth Stock นั่นเอง … แต่หากคิดจะซื้อ cpall ตอนนี้ อาจไปต่อได้อีก แต่คงจะไม่มากแล้ว ลองมาดูหุ้นเติบโตอีกตัวที่ขึ้นมาแล้ว แต่มีแววจะไปต่อดีกว่า … หุ้นที่ผมจะนำมาเจาะประเด็นในวันนี้คือ BEAUTY หรือ บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน) มาติดตามกันเลย

ลักษณะการประกอบกิจการของ BEAUTY

จำหน่ายปลีกผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและบำรุงผิว ปัจจุบันมีการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อความงาม 4 ประเภทได้แก่ ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง (Make-up) ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว (Skin care) อุปกรณ์เสริม (Accessories) และผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ( Food Supplement ) ภายใต้แนวคิด 5 รูปแบบ ได้แก่ บิวตี้ บุฟเฟต์(BEAUTY BUFFET), บิวตี้ คอทเทจ (BEAUTY COTTAGE), บิวตี้ มาร์เก็ต (BEAUTY MARKET), เมด อิน เนเจอร์ (MADE IN NATURE), และบิวตี้ พลาซ่า (BEAUTY PLAZA) ซึ่งแต่ละแนวคิดจะมีความแตกต่างกันในด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์ ช่องทางการจำหน่าย และตำแหน่งทางการตลาด เพื่อการตอบสนองความต้องการต่อกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่แตกต่างกัน

ปัจจุบัน BEAUTY มีแผนการขยายสาขาต่อเนื่อง ซึ่งปีนี้ในไทยมีแผนเปิด BEAUTY BUFFET 30 สาขา, BEAUTY COTTAGE 15 สาขา และ BEAUTY MARKET 5 สาขา ทำให้สิ้นปีที่แล้วสาขาเพิ่มเป็น 382 สาขา ส่วนต่างประเทศ มีแผนเปิดรูปแบบ Independent Shop 14 สาขา (ปัจจุบันมี 40 สาขา) กระจายในแถบ CLMV อาทิ กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม รวมถึงฟิลิปปินส์ และรูปแบบ Shop in Shop 10 สาขา (ปัจจุบันมี 138 สาขา) กระจายอยู่ในฮ่องกง ไต้หวัน และอินโดนีเซีย รวมทั้งมีแผนเพิ่มช่องทางจัดจาหน่ายสินค้าใหม่ๆ เช่น Modern trade, E-Commerce และช่องทางออนไลน์อื่นๆ

วิเคราะห์ทรงการเติบโต

หากเราพิจารณาทรงการเติบโตของบิวตี้ เราจะพบว่า ยอดขายเติบโตขึ้นทุกปี ซึ่งเติบโตมีแหล่งที่มาดังต่อไปนี้

  • การเติบโตจากการขยายสาขาที่เพิ่มขึ้น และเริ่มมีการทะลวงขีดจำกัดด้วยการขยายสาขาไปยังต่างประเทศบ้างแล้ว
  • การเติบโตจากยอดขายในแต่ละสาขา หรือ SSSG (Same Store Sale Growth) ถือเป็นการเติบโตเด้งทีสอง
  • การเติบโตจากผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่เพิ่มขึ้น แต่บางครั้งการเติบโตแบบนี้อาจเป็นการทดแทนผลิตภัณฑ์ตัวเก่าที่เริ่มล้าสมัย
  • การเติบโตจากยอดขายออนไลน์

(ภาพแสดงการเติบโตของบิวตี้ ที่มา : www.set.or.th)

ในส่วนของสินทรัพย์ก็เติบโตขึ้นทุกปีจนในปัจจุบันบิวตี้มีสินทรัพย์เกือบ 2 พันล้านบาท แต่สิ่งที่น่าสังเกตก็คือ การเติบโตของหนี้สินน้อยมาก ซึ่งสะท้อนมาที่สภาพคล่องของกิจการที่สูงมาก (ราว 3 เท่า) และหนี้สินต่อทุนที่ต่ำมากๆ คือ ต่ำกว่า 1 เท่า … นี่คือสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงกาเติบโตจากภายในของหุ้น คือ โตจากกระแสเงินสดที่กิจการทำมาหาได้ ไม่ใช่โตจากหนี้สิน เหมือนหุ้นตัวอื่นๆ น่าสนใจทีเดียวครับ และแน่นอนที่สุดว่ากำไรสุทธิก็เติบโตต่อเนื่องเช่นกัน

ประเด็นการเติบโตของราคาหุ้น

หากเราพิจารณาราคาหุ้นบิวตี้ โดยดูผ่าน Market Cap หรือ ขนาดของกิจการ เมื่อปี 2556 บิวตี้ มีขนาดกิจการเพียง 6 พันล้าน ในปัจจุบันขนาดของกิจการเติบโตกว่า 3 หมื่นกว่าล้านบาท หรือเติบโตกว่าห้าเท่าตัว (หุ้น 5 เด้ง) และพีอีปัจจุบันสูงกว่า 40 เท่า (ปี 2560) แสดงว่าตลาดให้คุณค่ากับหุ้นตัวนี้สูงมากๆ

หากเราใช้ PEG วัดมูลค่าหุ้นตัวนี้ โดย PEG = PE/GROWTH หมายความว่า ตลาดนั้นได้คาดหวังว่าหุ้นบิวตี้จะมีการเติบโตปีละกว่า 40 เท่าทุกปี ซึ่งถ้าเรามองในแง่ความเป็นจริงการเติบโตระดับนี้ถือว่าสูงมากไปหน่อย พูดง่ายๆ ก็คือ หุ้นตัวนี้ราคาไม่ถูกอย่างแน่นอน

หุ้นดีพีอีสูง น่าลงทุนหรือไม่?

หากจะพิจารณาว่าหุ้นตัวนี้เป็นหุ้นดีหรือไม่ คำถามนี้หมดข้อสงสัย หุ้น BEAUTY ถือเป็นหุ้นเติบโตที่ดีอย่างแน่นอน แต่สำหรับคำถามที่สองว่ามันน่าลงทุนหรือไม่ ณ.ตอนนี้ ก็คงต้องตอบว่า ควรพิจารณาให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน

อย่างไรก็ตาม หากเรามองไปข้างหน้าให้ไกลเสียหน่อย ถ้า BEAUTY โตแบบ Conservative คือ เติบโตราว 25-30% ต่อปี ไม่ใช่ 40-50% ตามที่ตลาดให้คุณค่าเอาไว้ หมายความว่า กำไรจะโตตามพีอีสูงๆ ได้ทัน ต้องใช้เวลาราว 25-30 ปี และในเวลานั้นหุ้นตัวนี้ยังสามารถเติบโตต่อไปได้อีก และตลาดต้องให้พีอีสูงต่อไปด้วย ถ้าเป็นแบบนี้จริงเราก็สามารถลงทุนได้ ซื้อแล้วถือไว้แบบลืมๆ เพราะในโลกการลงทุนนั้น … อะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอครับ

(นายแว่นลงทุน)

 

 

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ