จับประเด็นเล่นหุ้น ทำเงินให้งอกเงย “หุ้น After U Disruptive อุตสาหกรรมขนมของไทย”

คณิต นิมมาลัยรัตน์

ร้านขนมหวาน After U ถือเป็น Disruptive อุตสาหกรรมขนมของไทย ทำไมคนจึงสนใจที่จะเข้าไปกินขนมหวานรูปแบบใหม่กันมากมาย?

ร้านขนมหวาน After U ถือเป็น Disruptive อุตสาหกรรมขนมของไทย ทำไมคนจึงสนใจที่จะเข้าไปกินขนมหวานรูปแบบใหม่กันมากมาย?

ความน่าสนใจของหุ้นตัวนี้ก็คือ การที่ร้านค้ามีผู้คนเข้าใช้บริการเป็นจำนวนมาก สังเกตได้จากการยืนต่อคิวกันเพื่อเข้าไปทานในร้าน อะไรคือความสำเร็จของร้าน After U ติดตามกันเลยดีกว่า

ข้อมูลทั่วไป

บริษัทฯ ประกอบธุรกิจร้านขนมหวาน ภายใต้เครื่องหมายการค้า อาฟเตอร์ ยู โดยเปิดให้บริการสาขาแรกที่เจ อเวนิว ซอยทองหล่อ 13 ในปี 2551 ภายใต้แนวคิดของร้านที่ดูสบายเป็นกันเอง บรรยากาศอบอุ่นเหมือนอยู่กับครอบครัว ทำให้กลุ่มผู้บริโภค มีหลากหลายอายุตั้งแต่เด็กนักเรียนไปจนถึงผู้สูงอายุ ร้านอาฟเตอร์ ยูให้บริการผลิตภัณฑ์ที่เป็นของหวานและเครื่องดื่มรวมกว่า 100 รายการ แบ่งเป็นประเภทหลักๆ ดังนี้

–              ของหวาน ประกอบด้วย ของหวานปรุงสดเสิร์ฟร้อนคู่กับไอศกรีม โดยมีเมนูหลักที่ได้รับความนิยมอย่างสูงจากลูกค้า เช่น สินค้ากลุ่ม ฮันนี่โทส ช็อคโกแลตลาวา น้ำแข็งไสคากิโกริ เมนูอาหารเช้าที่ทำจากแพนเค้ก เค้ก ไอศกรีม เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีคุกกี้และขนมบรรจุห่อพลาสติกเพื่อวางจำหน่ายสำหรับการซื้อกลับบ้านหรือเป็นของฝาก

–              เครื่องดื่ม เช่น ชา กาแฟ ช็อคโกแลต น้ำผลไม้ปั่น เป็นต้น

–              ของที่ระลึก เช่น เสื้อ สมุด อุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในการทำขนม แก้วน้ำ เป็นต้น

โดย จำนวนสาขาร้านขนมหวาน อาฟเตอร์ ยู ณ วันที่ 15 พฤศจิกายน 2559 มีจำนวนทั้งสิ้น 18 สาขา

ธุรกิจบริการจัดงานนอกสถานที่และการรับจ้างผลิต

 

ในปี 2555 บริษัทฯ ได้มีการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าไปสู่การบริการจัดงานเลี้ยงนอกสถานที่ เช่น งานสังสรรค์ งานแต่งงาน งานจัดกิจกรรมต่างๆ เป็นต้น ซึ่งมีผลิตภัณฑ์หลักที่ได้ให้บริการ ได้แก่ ชิบูย่า ฮันนี่โทส ช็อคโกแลตลาวา สตอร์เบอร์รี่ครัมเบิ้ล และอื่นๆ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้มีการรับจ้างผลิตสินค้าภายใต้เครื่องหมายการค้าของบริษัทฯ ให้กับลูกค้ากลุ่มต่างๆ เช่น ผู้ประกอบการสายการบิน และร้านอาหาร เป็นต้น ซึ่งมีผลิตภัณฑ์หลักที่จำหน่าย เช่น  พาย คุกกี้ ขนมปัง เป็นต้น

โดยส่วนใหญ่รายได้หลักของร้านมาจากร้านขนมหวาน After U เป็นหลัก รายได้จากการขายของกลุ่มบริษัทฯ เติบโตอย่างก้าวกระโดดจาก 188.8 ล้านบาท ในปี 2556 เป็น 311.1 ล้านบาท และ 414.4 ล้านบาท ในปี 2557 และ 2558 ตามลำดับ คิดเป็นอัตราเติบโตเฉลี่ย (CAGR) ร้อยละ 48.1 ต่อปี เนื่องมาจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่นิยมรับประทานอาหารนอกบ้านเพิ่มมากขึ้น ความนิยมของผู้บริโภคในขนมหวานของบริษัทฯ โดยเฉพาะของหวานที่เป็นที่นิยม อาทิ สินค้ากลุ่มฮันนี่โทส  เป็นต้น รวมทั้งความนิยมในของหวานชนิดเดิมที่อาจมีการปรับส่วนประกอบเพียงเล็กน้อย เช่น สินค้ากลุ่มฮันนี่โทส เมนูอาหารเช้าที่ทำจากแพนเค้ก เป็นต้น หรือของหวานชนิดใหม่ที่จะออกจำหน่ายให้แก่ลูกค้าอยู่เป็นประจำตลอดปีหรือที่ออกจำหน่ายตามฤดูกาลเท่านั้น เช่น มะยงชิดปั่น เป็นต้น ซึ่งสะท้อนได้จากการเพิ่มขึ้นทั้งจากรายได้จากสาขาเดิม และรายได้จากสาขาใหม่

 

เงินที่ได้จากการเข้าตลาดจะนำไปทำอะไร

เมื่อเร็วๆ นี้ AU ได้เข้าเทรดในตลาดหุ้น MAI และได้เงินไปขยายธุรกิจของบริษัทฯ  เช่น

–           ขยายสาขาในเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัดตามแผนงานที่ได้ตั้งไว้ เพื่อให้สอดคล้องกับการเติบโตของภาวะอุตสาหกรรม

–           ขยายกำลังการผลิตโดยการนำเครื่องจักรและอุปกรณ์มาใช้ในโรงงานผลิตแห่งใหม่มากขึ้น   พร้อมกับขยายสายการผลิตในกลุ่มขนมหวาน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เพิ่มมาตรฐานและประสิทธิภาพในการผลิต

–           ติดตั้งและปรับปรุงระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานให้ทันสมัย รวมทั้งการติดตั้งและพัฒนาระบบจัดการบัญชีแบบครบวงจร  เพื่อให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นและสามารถรองรับการขยายตัวของบริษัทฯ ในอนาคต

–           สร้างสำนักงานแห่งใหม่  ศูนย์ฝึกอบรมพนักงาน และศูนย์กระจายสินค้า เนื่องจากสำนักงานและศูนย์ฝึกอบรมพนักงาน มีความจำเป็นต่อการขยายธุรกิจและสร้างมาตรฐานให้กับงานบริการเป็นอย่างมาก และศูนย์กระจายสินค้า สามารถลดต้นทุนในการบริหารจัดการวัตถุดิบในอีกหลายส่วน

และสุดท้ายนำไปชำระคืนเงินกู้ยืม เป็นจำนวนเงิน 60 ล้านบาท นอกจากนั้นใช้เป็นทุนหมุนเวียน

แผนในอนาคต

บริษัทฯ มีเป้าหมายที่จะมีร้านขนมหวานที่มีขนาดที่หลากหลาย ตามความเหมาะสมของพื้นที่ และจำนวนผู้ใช้บริการ เพื่อให้บริการแก่ผู้บริโภคในประเทศไทยทั้งในเขตกรุงเทพฯ  ปริมณฑล และหัวเมืองใหญ่ในต่างจังหวัดที่มีศักยภาพและมีกำลังซื้อสูง รวมทั้งสิ้น 30 สาขาภายในปี 2561 โดยบริษัทฯ คาดว่า จะขยายประมาณปีละ 5 สาขา และจะใช้เงินลงทุนในการขยายสาขา ประมาณ 4.5-7.5 ล้านบาทต่อสาขา โดยจะใช้เงินทุนหมุนเวียนภายในบริษัทฯ และเงินที่ได้จากการเสนอขายหลักทรัพย์ในครั้งนี้เป็นแหล่งเงินทุนในการขยายสาขานั่นเองครับ

ข้อสรุปของหุ้น AU หุ้นตัวนี้สำหรับผมถือเป็นการปฏิวัติวงการขนมหวานในประเทศไทย ด้วยรูปแบบของขนมหวานที่แปลกใหม่ เป็น Disruptive อุตสาหกรรมขนมของไทย อย่างไรก็ตาม ด้วยราคาหุ้นที่แพงลิ่วทำให้ใครที่ลงทุนไปก่อนหน้า ณ.ราคาสูงสุด ต้องรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ เพราะในปัจจุบันราคาได้ปรับลดลงมาแล้ว ส่วนที่ว่าราคาที่ลดลงมาจะถูกหรือแพง คงต้องคิดกันเองนะครับ ธุรกิจดี แต่ราคาแพงก็อาจไม่ใช่หุ้นที่ดีครับ

(นายแว่นธรรมดา)

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ