“Live..อย่างไร ให้ล้มเหลว” โดย ดร.พนม ปีย์เจริญ

ดร.พนม ปีย์เจริญ

จัดรายการอยู่คนเดียว พอนึกอะไรขึ้นมาได้ ก็เดินไปหยิบจากที่อื่น บางทีหาไม่เจอ จึงหายไปจากหน้าจอไปนาน…นานจนนึกว่าเลิกแล้วเพราะฉนั้นพูดแล้วทิ้งจังหวะบ้าง ให้คนดูได้พัก ดีกว่าทิ้งหน้าจอให้เงียบ หรือหน้าจอนิ่งเหมือนวอลเปเปอร์

“Live อย่างไรให้มีคนดู” ตอนที่ 5

ตอน “Live..อย่างไร ให้ล้มเหลว”
เราพูดถึงเรื่องการ Live สดให้น่าสนใจมาหลายตอนแล้ว คราวนี้เรามาดูการLiveสดที่ล้มเหลวดูบ้าง ว่าเวลาที่คน Live สดแล้วทำไม เอาคนไม่อยู่และจำนวนคนดูก็น้อยลงเรื่อยๆ

1.เรื่องไม่น่าสนใจติดตาม
อันนี้อาจมาจากหลายสาเหตุด้วยกัน แต่ส่วนหนึ่งมาจากกรณีต่างๆเหล่านี้
>เรื่องราวเข้าใจยากไป
อาจเป็นเรื่องที่คนไม่ได้สนใจเรื่องที่กำลังพูดถึงนั้นมาก่อน เรื่องที่พูดถึงจึงเข้าใจยากเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามีศัพท์เฉพาะมากเกินไป ยิ่งทำให้ไม่เข้าใจกันไปใหญ่ พอไม่เข้าใจ ก็จะไม่เข้าใจเรื่องที่พูด และเมื่อไม่เข้าใจเรื่องที่พูด ก็จะไม่ทนดูต่อไปและเปลี่ยนไปดูอย่างอื่นแทน
>เป็นไปได้ว่าที่คนไม่สนใจดู อาจเป็นเพราะ คนสนใจเรื่องที่นำเสนอเป็นเฉพาะกลุ่มแคบเกินไป กลุ่มคนสนใจจึงมีจำนวนน้อย จึงไม่ขยายวงกว้างออกไป เพราะไม่มีคนแชร์ต่อ
>หรือเป็นความรู้สึกว่าเรื่องที่กำลังพูดถึงมีประโยชน์กับเขาน้อยเกินไปกว่าที่จะทนดูอยู่นานๆ อีกทั้งไม่มีอะไรใหม่ๆ ให้น่าสนใจติดตามด้วย

2.นำเสนอไม่น่าสนใจ
บางทีเรื่องน่าสนใจ แต่คนนำเสนอ และวิธีการนำเสนอทำเสียอรรถรสไปเอง พูดน้ำเสียงเนิบนาบยืดยาดเกินไป อารมณ์เหมือนคนพูดถ่านกำลังจะหมด หรือไม่ก็เสียงราบเรียบเกินไป ไม่มีเสียงสูงเสียงต่ำ ไม่รู้จักการเน้นย้ำและการกระแทกอารมณ์ ประเภทไม่ชวนให้ตื่นเต้นเร้าใจกันบ้างเลย พูดเรื่อยเปื่อยไปเรื่อย แถมไม่มีที่มาที่ไป ทำให้คนดูงงเป็นไก่ตาแตก
>ลีลาไม่ชวนให้ติดตาม
เป็นการนำเสนอเหมือนไม่มีจิตวิญญาณ นั่งนิ่งไม่มีมูฟเม้นท์(Movement) ประมาณว่า ถ้าปากไม่พูด ตาไม่กระพริบ เหมือนสิ่งไม่มีชีวิตกำลังพูดอยู่ เป็นเสมือนรูปติดหน้างานศพยังไงยังงั้น
มือที่ควรจะใช้ประกอบท่าทาง ก็ไม่นำเอาออกมาใช้ ทั้งที่เป็นประโยชน์มหาศาลเวลาที่เรากำลังนำเสนอ เพราะถ้าเวลา Liveสด เราขยับตัวมากไม่ได้ ก็จงใช้มือไม้ สายตา  คิ้ว ประเภท”พูดทั้งหน้า ใช้ท่วงท่าทั้งตัว” จะสุดยอดมากทีเดียว

3.พูดจาซ้ำซาก ไม่มีอะไรใหม่
นี่คือความน่าเบื่อที่คนทำรายการสดกำลังทำลายความคาดหวังของคนที่รอดูเราอยู่ เช่น
>เล่นแต่มุกเดิมๆ ไม่มีอะไรใหม่มาเซอร์ไพรซ์คนที่รอดูเราอยู่ อย่าให้คนดูเดาได้ตลอดว่าวันนี้ จะเอาอะไรมาขาย โปรโมชั่นก็โปรแบบเดิมๆ จับสลากลูกเล่นเดิมๆ แจกของแบบเดิมๆ ของแจกก็ ดูจะไม่ลงทุนเอาเสียเลย บางทีของแจกดีๆหน่อย ก็ไม่รู้แจกจริงหรือเปล่า หน้าม้าที่เข้ามาร่วมรายการหรือลุ้นรางวัล ร่วมประมูลของก็ไม่แนบเนียนให้คนดูจับได้ ทำคนดูเข็ดเขี้ยวไปตามๆกัน
>สาวๆบางคนที่มาLiveสดเพื่อขายสินค้า ดูเธอจะเน้น”โชว์ของเก่า เต้าอันเดิม” บ่อยเกินไป ไม่คิดจะหาสินค้าและวิธีนำเสนอที่มันน่าสนใจไปมากกว่านี้ อย่าลืมนะครับว่าสินค้าที่ขายอยู่นั้น มันคือสินค้าของคุณผู้หญิงด้วยกัน ไม่ใช่ยาปลุกเซ็กส์หรือสินค้าจากเซ็กส์ช็อปคุณผู้ชาย จะได้มีผู้ชายเข้ามาสนใจดูของเก่ากันเยอะแยะมากมาย  ถ้าเป็นเสื้อผ้าหรือครีมทาให้อึ๋มก็โอเคไม่ว่ากัน จะได้โชว์ให้เห็นว่าใช้แล้ว ผลมันเป็นอย่างไร แต่ถ้าเป็นสินค้าที่ไม่เกี่ยวกันกับอึ่มที่โชว์ เล่นมุกอื่นบ้างก็ได้
>ลักษณะการพูดเหมือนกลัวคนฟังไม่เข้าใจ แล้วคนนำเสนอพูดแบบ”ย้ำคิด ย้ำคำ” คือย้ำเสียจนคนดูรู้สึกว่า คิดว่าเขาโง่หรือไง เพราะฉนั้นอย่าย้ำคิดย้ำคำมากเกินไป เหมือนเอาตัวเองเป็นมาตรวัดว่าคนดูคงโง่พอๆกับฉัน
>พูดวกไปวนมาผสมยืดยาดเยิ่นเย้อ พูดตั้งนาน ยังไม่ไปถึงไหน นี่เป็นความน่าเบื่อที่สุดของการนำเสนอ อารมณ์เหมือนตัวเองพูดไปแล้ว แต่ลืม ว่าได้พูดไแล้ว เลยกลับมาพูดอีก เหมือนยังไม่ได้พูด วนไปวนมาเป็นนานสิงนาน อันนี้น่าเบื่อมาก

4.ดูถูกคนดูและสบประมาทคนดู
การดูถูกคนดู มีด้วยกันหลายสาเหตุครับ บางทีดูถูกแบบไม่ตั้งใจ เช่น ทำรายการสดโดยไม่เตรียมตัว ประเภทด้นไปเรื่อย หลายครั้งจึงทำให้รายการที่เราจัดไม่ไหลลื่นและดูออกว่าไม่มีการเตรียมตัวเลย เป็นการแสดงให้เห็นว่าเป็นคน”สุกเอา เผากิน” เหมือนดูถูกคนดูว่า จะทำอย่างไรก็ได้
หรือบางรายก็ดูถูกคนดูด้วยการให้ข้อมูลผิดๆ เพราะคิดว่าคนดูคงไม่รู้เรื่องอะไร อันนี้ไม่ได้เด็ดขาดนะครับ เพราะถ้าผิดหนเดียว ศรัทธาหายไปเลยทันที
>โฆษณาเกินจริง สรรพคุณเกินเหตุ พวกนี้อยู่ในกลุ่มอวดอ้างเกินความจริง อันถือได้ว่าเป็นการดูถูกภูมิปัญญาคนดูที่ดูอยู่ วันหนึ่งถ้าความจริงถูกเปิดเผย คนดูก็จะหนีหายไปเรื่อยๆจนหมด เพราะคนดูจะไม่เชื่ออีกต่อไป
>คำสบถเป็นระยะๆหยาบคายจนติดปากอันนี้เป็นการลดคุณค่าของตนเองและนำไปสู่การลดคุณค่าของสินค้าในที่สุด เพราะบางทีสินค้าและบริการ สุดหรูหราอลังการงานสร้างมาก แต่ถูกทำลายคุณค่าลงมาเสียติดดิน เพราะผู้ดำเนินรายการนั่นเอง ที่พูดจาไม่สุภาพไปพร้อมๆกับกริยามารยาทที่ทำลายภาพลักษณ์ที่ดีของตนเอง..สินค้า..และบริการ

5.ไม่ได้ประโยชน์อะไรจากการที่มานั่งดูการ Liveสด
>มีแต่เรื่องไร้สาระ ดูแล้วไม่ได้ประโยชน์อะไร พยายามจะดูให้มีประโยชน์ แต่ก็หาไม่เจอ อย่างนี้ไม่นานคนก็หนีบางคน ก็ทำเหมือนมานั่งระบายความในใจ ความเครียด ความทุกข์ยากแสนเข็ญฯลฯ ให้เราฟัง ยิ่งดูก็ยิ่งเครียด ยิ่งทุกข์ตามเขาไปด้วย อารมณ์ดีๆก็พาลเหี่ยวไปด้วย
หรืออีกพวกหนึ่งที่ชอบมาถ่ายทอดสด ประเภทชวนหาเรื่องไปทั่ว ใครทำอะไรเป็นขวางหูขวางตาหรือผิดไปหมด ระรานไปทั่ว ด่ากราดไปเรื่อย ฉันดีอยู่คนเดียว ใครมาเมนท์ไม่เห็นด้วย ถือว่าเป็นศัตรู หรืออยู่ฝ่ายตรงข้ามกัน การทำไลฟ์แบบนี้แรกอาจจะมีคนดูเยอะ แต่นานเข้า คนดูก็จะค่อยๆลดลง เพราะยิ่งดูยิ่งเครียด ไม่มีอะไรให้รื่นรมณ์
6.ทิ้งหน้าจอให้เงียบ ปล่อยหน้าจอให้นิ่ง 
อันนี้มักเกิดจากการเตรียมตัวไม่ดี จึงไม่มีความพร้อม แล้วจัดรายการอยู่คนเดียว พอนึกอะไรขึ้นมาได้ ก็เดินไปหยิบจากที่อื่น บางทีหาไม่เจอ จึงหายไปจากหน้าจอไปนาน
นานจนนึกว่าเลิกแล้วเพราะฉนั้นพูดแล้วทิ้งจังหวะบ้าง ให้คนดูได้พัก ดีกว่าทิ้งหน้าจอให้เงียบ หรือหน้าจอนิ่งเหมือนวอลเปเปอร์ อยู่หน้าจอไม่ได้ ภาพต้องเคลื่อนไหวเหมือนมีชีวิตชีวาอยู่ตลอดเวลา

7.แพนหน้าจอเหมือนตาคนมอง
คนที่Liveสด ส่วนใหญ่ที่ไม่เคยทำรายการโทรทัศน์ หรือไม่เคยใช้กล้อง Video มาก่อน เมื่อมาใช้กล้องมือถือ Liveสด จึงแพนซ้าย..ขวา..ขึ้น..ลง เร็วเหมือนตาคนมองย่อมไม่ได้ เพราะมันจะแว๊บไปมาเร็วมาก คนดูดูไม่ทัน และจะเวียนหัวมาก ที่สำคัญ จะทำให้ดูได้ไม่นาน เพราะเวียนหัว เพราะฉนั้นการทำLive สด ต้องหัดถ่ายวิดีโอให้เป็นก่อน คนดูจะได้ติดตามดูอย่างมีความสุข
นี่คือ 7 ประเด็นคร่าวๆที่ผู้ทำรายการสดต้องพึงระวังไว้เสมอ มิฉะนั้นอาจจะต้องจัดรายการสดเพื่อคุยกับตัวเองโดยลำพัง
ดร.พนม ปีย์เจริญ

15.7.2560

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ