ร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อในตำนาน….เพาะรักจากพ่อสู่ลูก : อาจารย์สุภัค หมื่นนิกร

อ.เสน่ห์ ศรีสุวรรณ

แกบอกว่าแกเสียใจมากกับลูก ๆ ทั้งสี่คนของแกที่มาดูถูกกิจการร้านก๋วยเตี๋ยวของแก และไม่มีใครสืบทอดกิจการต่อจากแกเลย แกไม่รู้จะทำอย่างไรดีเพราะธุรกิจนี้คือชีวิต คือครอบครัว คือทุกๆสิ่งที่แกสร้างมาด้วยความผูกพัน แกถามผมว่า เอาไงดี

  เพิ่งรู้สึกเสมือนว่าฉลองปีใหม่มาหยกๆ เผลอแปบเดียวเข้ากลางปีแล้วเร็วมากๆ เลยครับ ขณะที่ผมเขียนบทความนี้เป็นวันหยุดผมพาลูกๆไปทานร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อวัวแถวสะพาน 2 ใกล้โชคชัย 4 เขาถามผมว่าผมรู้จักร้านนี้ได้ไง ผมเล่าว่าผมรู้จักร้านนี้และทานมาเกือบ 30 ปี ลูกค้าทุกคนทุกระดับช่วยกันปีที่แล้ว และผมเองเคยคุยกับเจ้าของร้านพร้อมลูก ๆ ทั้ง4คนของเขาด้วย ลูก ๆ ผมทั้งสองคนเซ้าซี้ให้ผมเล่าให้เขาฟังหน่อย ผมอมยิ้มนึกถึงอดีตที่เกิดขึ้นเมื่อ10กว่าปีที่ผ่านมาผมเล่าว่า

           ผมมานั่งทานร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อร้านนี้บ่อยมากเฉลี่ยสัปดาห์ละ 2-3 ครั้งจนคุ้นเคยกับเฮียเจ้าของร้านเป็นอย่างดี ถ้าลูกค้าไม่เยอะแกชอบมานั่งโต๊ะผมแล้วเล่าด้วยความภูมิอกภูมิใจว่าแกเรียนน้อย ความรู้ไม่สูง ไปทำงานร้านก๋วยเตี๋ยวกับเถ้าแก่รายหนึ่งในอดีต ต่อมาเถ้าแก่คนนั้นตายแกเลยมาเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวเองด้วยความที่แกเป็นคนขยันทำมาหากินขยันขันแข็ง ทำอาหารอร่อยด้วยคุณภาพ ไม่ยอมลดคุณภาพเด็ดขาด สูตรน้ำข้นของแกต้องเข้มข้นหอมหวานอร่อยชื่นใจ ขายราคาไม่แพงเพราะขายข้างๆตลาดสด มีลูกค้ามาทานตั้งแต่คนขับสามล้อ คนขับแท็กซี่ คนขับรถเมล์รวมถึงกระเป๋า กระปี๋ ไม่เว้นพวกเศรษฐีหรือมหาเศรษฐีที่ขับรถหรู ๆ ทั้งหลาย แกยิ้มให้ลูกค้าทุกคนทุกระดับพร้อมทั้งภรรยาของแกก็เช่นกัน ทำให้ลูกค้าทุกคนประทับอกประทับใจในรสชาติ คุณภาพ ความอร่อย สะอาด ราคาไม่แพง บริการด้วยรอยยิ้ม ร้านนี้จึงเป็นหนึ่งในร้านดังแถวตลาดสะพานสองในยุคนั้นแกมีลูกทั้งหมด 4 คน แกส่งเสียให้เรียนจบสูงๆทุกคน สอบเอนทรานซ์ได้ และไปเรียนจบปริญญาโทที่ต่างประเทศทุกคนแกภูมิใจมากว่าอาชีพขายก๋วยเตี๋ยวเนื้อริมถนนลาดพร้าวใกล้ ๆ ตลาดจะสามารถส่งเสียให้ลูกๆเรียนจบเมืองนอกได้ทั้ง 4 คนเพราะรักลูกมากไม่อยากให้ลูกแกลำบาก

          อยู่มาวันนึงผมมาทานเป็นประจำเช่นเดิมแต่เห็นแกซึม ๆ ไป ผมทักแกก่อนว่า “เฮียไม่สบายเป็นหวัดเหรอดูวันนี้ซึมๆ” แกส่ายหัวช้าๆ ไม่ยิ้ม พร้อมทำสีหน้าเคร่งเครียดไม่เฉพาะผมนะที่แกไม่ยิ้มกับลูกค้าทุกคน ผมรู้สึกว่าผิดสังเกตุแต่เดาว่าแกไม่อยากเล่า ผมก็นั่งทานก๋วยเตี๋ยวตามปกติเมื่อทานอิ่มแล้วผมเดินไปสั่งก๋วยเตี๋ยวเนื้อเพิ่มอีก 2 ถุงเพื่อไปฝากคุณพ่อคุณแม่ เฮียแกหันมามองหน้าผมแล้วพูดกับผมว่า ” รีบกลับไหม? มีอะไรจะปรึกษาหน่อย” พร้อมนัยน์ตาซึม ๆ คล้าย ๆ จะร้องไห้ผมรีบตอบว่า “ไม่รีบครับเฮีย” แกให้ภรรยาทำต่อแล้วชวนผมไปนั่งโต๊ะหลังสุดของร้านแล้วร้องไห้ออกมา แกบอกว่าแกเสียใจมากกับลูก ๆ ทั้งสี่คนของแกที่มาดูถูกกิจการร้านก๋วยเตี๋ยวของแก และไม่มีใครสืบทอดกิจการต่อจากแกเลย แกไม่รู้จะทำอย่างไรดีเพราะธุรกิจนี้คือชีวิต คือครอบครัว คือทุกๆสิ่งที่แกสร้างมาด้วยความผูกพัน แกถามผมว่า เอาไงดีผมนัดแกว่าสัปดาห์ถัดไปให้นัดลูก ๆ ทุกคนมาที่ร้านนี้แล้วผมจะคุยด้วย       

           อีกสัปดาห์หลังจากนั้น ผมได้พบกับลูก ๆ ทั้ง 4 ของเฮีย เรานั่งคุยกันทุกคนอย่างเปิดอกทุกคน สรุปสาระสำคัญได้ว่า ลูก ๆ ทุกคนอายที่มีพ่อมีอาชีพขายก๋วยเตี๋ยวเนื้อริมถนนข้างๆตลาด อายมากขนาดไม่อยากบอกเพื่อน ไม่อยากบอกแฟน ไม่อยากบอกเพื่อนร่วมงานหรือเจ้านายของตนเอง ยิ่งเล่าเฮียยิ่งร้องไห้ ลูก ๆ ขอให้เฮียเข้าใจพวกเขาหน่อยว่า สังคมที่เขาอยู่นั้นทันสมัยทำงานในห้องแอร์คุยติดต่อกับต่างประเทศเพื่อนฝูงร่ำรวย เที่ยวผับดัง ๆ กันทั้งนั้น ผมถามต่อว่าอนาคตเขาจะเป็นลูกจ้างตลอดไปเหรอ ทุกคนตอบว่าจะเป็นเจ้าของธุรกิจแต่กำลังนึกอยู่ว่าจะทำอะไรดี ลูก ๆ ยิ่งเล่าเฮียยิ่งหน้าจ๋อยพอผมฟังจบผมนั่งหัวเราะเสียงดังเลยลูก ๆ ทุกคนและเฮียเองก็แปลกใจว่าทำไมผมถึงหัวเราะจนเกือบตกเก้าอี้

          ผมเริ่มเล่าว่าคุณพ่อของพวกเราเรียนจบไม่สูงจึงทำได้แค่เปิดร้านขายข้างตลาดสด แต่สามารถส่งลูก ๆ เรียนต่างประเทศได้ทั้ง 4 คน แล้วพวกเราล่ะเรียนจบสูงขนาดนี้พวกเราเอาร้านของคุณพ่อเข้าห้างหรูๆขยายให้ได้หลายๆสาขาและส่งลูก ๆ ให้เรียนจบสูงกว่าตนเองได้ไหม? เท่านั้นแหละครับลูก ๆ ทุกคนเริ่มนั่งอึ้ง ผมเล่าต่อว่าการศึกษาปริญญาโทที่พวกเราจบมานั้นสอนเรื่องกลุ่มลูกค้าใช่ไหม? ลูกค้าที่นี่กลุ่มคนขับรถแท๊กซี่สามล้อรถเมล์จนถึงขับรถเบนซ์วอลโว่ และรถหรู ๆ อีกมากแถมรถที่ขับผ่านตรงนี้วันละหมื่นกว่าคัน มากกว่าคนเดินในห้างเซ็นทรัลพลาซ่าด้วยซ้ำ แสดงว่าทำเลที่นี่ดีมากลูก ๆ ไม่เคยวิเคราะห์กันบ้างเลยเหรอ?? นี่แหละคือสมบัติที่พ่อให้ลูกแต่ลูก ๆ มองไม่ออกว่านี่คือทรัพย์ที่มีมูลค่ามหาศาลเพียงเท่านี้แหละครับ ลูก ๆทั้ง 4 คนน้ำตาไหลออกมา แล้วนั่งลงกราบที่ตักของเฮียแล้วร้องไห้บอกว่าขอโทษที่เขาคิดผิดมาตลอด ทำให้พ่อเสียใจมาตลอด เฮียและภรรยาก็กอดลูกด้วยความรักร้องไห้โฮเสียยกใหญ่ ผมมองด้วยความซาบซึ้งใจจากนั้นลูก ๆ ทั้ง 4 ก็เริ่มคุยว่าจะมารับสืบทอดกิจการต่อจากพ่อแล้วจะมาช่วยพ่อด้านนั้นด้านนี้ ผมเองก็ปล่อยให้ครอบครัวเขาคุยกัน พอผมกำลังจะเดินห่างออกมา ทั้งครอบครัวก็เดินมากอดผมขอบอก ขอบคุณกันใหญ่ ผมก็บอกว่าดีแล้ว ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่ดีๆของครอบครัวคุยกันเถอะแล้วผมก็กลับบ้านไปด้วยความตื้นตันใจ

         สัปดาห์ถัดไปผมกลับไปทานร้านเดิมอีก วันนี้เฮียหน้าสดใสยิ้มแฉ่งมากเปี่ยมไปด้วยความสุข แกเจอหน้าผมแล้วบอกว่าขอบคุณผมมากที่ทำให้ลูกทั้ง 4 กลับมารับธุรกิจของแก ผมก็บอกว่าเพราะเฮียเลี้ยงลูกมาดีต่างหากล่ะผมแค่มาเขี่ยผงออกจากตาของลูก ๆ เฮียเท่านั้นเองครับ เฮียก็ไม่วายจับมือขอบอก ขอบคุณผมเป็นการใหญ่ ถือเสมือนผมมีบุญคุณกับแกมากมาย วันนั้นผมจึงได้ก๋วยเตี๋ยวมาหลายห่อมาฝากคุณพ่อคุณแม่ผมด้วยความปลาบปลื้ม

          หลังจากผมเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับตำนานร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อนี้ให้ลูกผมทั้ง 2 คนฟังด้วยความสนอกสนใจเป็นอย่างยิ่ง พอผมเล่าจบเขาพูดว่า “คุณพ่อไม่ต้องห่วงนะลูกจะรับธุรกิจต่อจากคุณพ่อแน่นอน” ผมหัวเราะร่าดังด้วยความภูมิใจ แต่สุดท้ายผมก็อดไม่ได้ที่ผมใช้วิธีการเดียวกันกับที่คุณแม่ท่านสั่งสอนผมในเรื่องงานจากเรื่องราวจริง ๆ ประสบการณ์จริง ๆ ของท่านที่ผ่านมา ผมโชคดีที่มีคุณแม่ที่ดีที่น่ารักที่มีเทคนิคสอนให้ผมรับธุรกิจด้วยความเต็มใจ และผมยังใช้วิธีการเดียวกันนี้กับลูกๆของผมผมสามารถถ่ายทอดธุรกิจนี้สู่รุ่นลูกผมได้ด้วยครับ

         สรุปแล้ว วันนี้ผมทานก๋วยเตี๋ยวมื้อนี้ได้คุ้มจริง ๆ ครับ (มีคำถามเกี่ยวกับธุรกิจร้านอาหารสามารถสอบถามผมมาได้เลยนะครับผมยินดีเสมอสำหรับทุกท่านครับ)

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ