โลจิสติกส์ สร้างความอยู่รอดอย่างยั่งยืน : ฐาปนา บุญหล้า (ตอนที่ 1)

อ.เสน่ห์ ศรีสุวรรณ

เป้าหมายสูงสุดของการดำเนินการจัดการโลจิสติกส์ธุรกิจตลอดโซ่อุปทานของผลิตภัณฑ์ (สินค้าและบริการ) คือเพื่อเพิ่มผลผลิตและสร้างความคงอยู่ในระยะยาวของทั้งองค์กรสมาชิกภายในกลุ่มคู่ค้า เพื่อที่จะบรรลุผลผลิตสูงสุดในระยะยาว

 เป้าหมายสูงสุดของการดำเนินการจัดการโลจิสติกส์ธุรกิจตลอดโซ่อุปทานของผลิตภัณฑ์ (สินค้าและบริการ) คือเพื่อเพิ่มผลผลิตและสร้างความคงอยู่ในระยะยาวของทั้งองค์กรสมาชิกภายในกลุ่มคู่ค้า  เพื่อที่จะบรรลุผลผลิตสูงสุดในระยะยาว   วัตถุประสงค์เร่งด่วนของปฏิบัติการโลจิสติกส์ธุรกิจคือทำให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมวลรวมทั้งอุปทานและสนองต่ออุปสงค์ของผู้บริโภคและลูกค้าประจำ

          ลักษณะสำคัญของโลจิสติกส์  คือสามารถสนองความต้องการของลูกค้าที่ดีกว่า, การประหยัดมากขึ้น, ความเชื่อถือได้และความปลอดภัย  ที่ทำให้มั่นใจถึงการส่งมอบสินค้าที่ถูกต้อง, การบริการที่ประทับใจและสารสนเทศที่ถูกต้อง  รวดเร็ว  ด้วยการออกแบบสถานที่และเวลาตามเงื่อนไขที่ต้องการ, จำนวนสินค้า ต้นทุนและราคาที่ลูกค้ายอมรับได้  ถ้าองค์กรสามารถจัดหาและสนองลูกค้าหรือผู้บริโภคด้วยการบริการโลจิสติกส์ที่มีคุณภาพตามที่เขาต้องการ  ก็จะสามารถสร้างความได้เปรียบเชิงการแข่งขันในตลาดปัจจุบัน

           ในบทความนี้มุ่งเน้นเพื่อการสำรวจถึงหลักการจัดการโลจิสติกส์ที่สามารถช่วยให้องค์กรได้รับความได้เปรียบเชิงการแข่งขันในตลาดยุคโลกาภิวัฒน์อย่างยั่งยืน

 

โลจิสติกส์เชิงบูรณาการ

         นิยามของการจัดการโลจิสติกส์ที่ใช้ในที่นี้อ้างอิงจาก The Council of Supply Chain Management Professional (CSCMP), Supply Chain and Logistics Terms and Glossary Update October 2006, www.cscmp.org  หมายถึงกระบวนการวางแผนการปฏิบัติงานและการควบคุมอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลทั้งล่วงหน้าและย้อนกลับของการเคลื่อนย้ายและการจัดเก็บสินค้า, การบริการและสารสนเทศที่เกี่ยวข้องตั้งแต่จุดกำเนิดจากการบริโภคสินค้า  เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าโลจิสติกส์และอนาคต  ที่มุ่งเน้นไม่เพียงแต่โลจิสติกส์ขาเข้า โลจิสติกส์ขาออก, การเคลื่อนที่ของสินค้าทั้งภายในและภายนอกองค์กรแล้ว  ยังรวมถึงโลจิสติกส์ขากลับ  และโลจิสติกส์สีเขียวเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมโลก

        นิยามนี้เป็นความชัดเจนที่เป็นจริงของกระบวนการโลจิสติกส์ว่าควรมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลข้ามสายงานทั้งระบบองค์รวม  โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เป็นระบบที่กระชับที่สุดด้วย  การกระจายต้นทุนจากสายการขนส่งและการกระจายสินค้าในระยะทางที่ใกล้แหล่งวัตถุดิบ  สินค้ากึ่งสำเร็จรูปและสินค้าสำเร็จรูป   ด้วยเหตุนี้จึงไม่มุ่งเน้นเพียงการขนส่งที่มีต้นทุนต่ำสุดและรวดเร็วที่สุดหรือลดสินค้าคลังให้เหมาะสมเท่านั้น  แต่ต้องมุ่งระบบการบูรณาการและการประสานงานตามแนวทางกระบวนการโลจิสติกส์   การยอมรับของแนวคิดต้นทุนรวมโลจิสติกส์ได้เปลี่ยนความสำคัญเชิงความสัมพันธ์ของความแตกต่างในกิจกรรมโลจิสติกส์  ตัวอย่างเช่นแนวทางต้นทุนรวมได้นำไปสู่การแลกเปลี่ยนผลประโยชน์  ต้นทุนโลจิสติกส์ระหว่างการให้บริการขนส่งกับต้นทุนการปฏิบัติงานของสิ่งอำนวยการที่ใช้และมีความสำคัญมากกว่า

          ถึงแม้ว่าจากบทนิยามโลจิสติกส์องค์รวมที่มุ่งเน้นประสิทธิภาพและประสิทธิผล  ก็ยังไม่แสดงถึงการประนีประนอมของกิจกรรมเหล่านี้  ระบบที่พยายามขยายผลต้นทุนต่ำสุด  ในขณะที่มีการสนองความต้องการของลูกค้าได้ถือว่าเป็นวัตถุประสงค์ถูกต้อง  แต่ก็ควรจะสอดคล้องกับบริบทของจุดหมายทั่วไปด้วย  จากมุมมองขององค์กรจุดมุ่งหมายสูงสุด   ควรเป็นความมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว

          ด้วยพันธกิจให้ได้ต้นทุนต่ำและกำไรสูงสุด  ดังนั้นจะต้องขจัดความสูญเปล่าและสูญเสียทั้งหมด  และไม่ควรรวมถึงต้นทุนจำเป็นที่มีผลต่อรายได้  การลดต้นทุนโลจิสติกส์ที่มีเหตุผล  ถ้ากำไรของปีก่อนน้อยกว่าการลดต้นทุน   ในทางเดียวกันการยอมรับในการเพิ่มต้นทุนโลจิสติกส์ได้ก็ต่อเมื่อส่งผลต่อรายได้ที่สูงมากขึ้นในอัตราส่วนที่น่าพึงพอใจ  ตัวอย่างเช่น ค่าขนส่งทางอากาศที่เลือกใช้ที่สนองความต้องการลูกค้าได้ดีกว่า  แทนที่จะเลือกใช้รูปแบบการขนส่งทางเรือที่ถูกกว่า  และการลดต้นทุนการจัดเก็บสินค้าคงคลัง  รวมทั้งลดระยะเวลาการทำงานก็สามารถเพิ่มผลกำไรได้อีกด้วย

 

บทบาทการเพิ่มมูลค่าของโลจิสติกส์

          อรรถประโยชน์ที่สามารถเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์  คืออรรถประโยชน์ด้านตัวผลิตภัณฑ์สร้างสรรค์โดยกิจกรรมการผลิต, อรรถประโยชน์ด้านสถานที่และเวลา  สร้างโดยกิจกรรมโลจิสติกส์และอรรถประโยชน์ด้านกระบวนการสร้างโดยกิจกรรมการตลาด

1. อรรถประโยชน์ตัวผลิตภัณฑ์  เป็นผลมาจากเมื่อวัตถุดิบเชื่อมโยงเข้าสู่กระบวนการผลิตแปลงสภาพจนเป็นสินค้าสำเร็จรูปเพื่อสนองความต้องการของลูกค้า

2. อรรถประโยชน์ด้านสถานที่ สามารถมองเห็นคุณค่าได้จากความสามารถมีสินค้าได้ในสถานที่สามารถสนองความต้องการลูกค้าโลจิสติกส์สร้างอรรถประโยชน์จากสถานที่โดยการเคลื่อนย้ายสินค้าจากสถานที่  ซึ่งแหล่งผลิตที่ไม่สามารถใช้ประโยชน์หรือสร้างส่วนเกินสินค้าไปยังสถานที่  ซึ่งมีกระบวนการใช้ประโยชน์จากสินค้าหรือขาดแคลนสัมพันธ์กับความต้องการ  ตัวอย่างเช่น ลักษณะที่แน่นอนของวัตถุดิบอาจจะมีการกระจายสินค้าจำนวนน้อยและการแยกส่วนทางภูมิศาสตร์จากโรงงานผลิต  เพื่อที่จะดำเนินกระบวนการผลิต  แล้วขนส่งไปยังจุดรวบรวมสินค้าในสถานที่ใกล้ที่สุด   การผลิตสินค้าที่มากเกินความจำเป็นในสถานที่โรงงาน   จึงต้องกระจายสินค้าด้วยการจัดส่งไปยังสถานที่ที่มีความต้องการสินค้าเพื่อเชื่อมต่อกับจำนวนสินค้าที่มีอยู่ในระยะเวลาอันสั้น   อรรถประโยชน์จากสถานที่ คือ มูลค่าเพิ่มของสถานที่โดยการจัดส่งสินค้าจากสถานที่ที่ไม่มีความต้องการไปยังสถานที่ที่ต้องการสินค้า

3. อรรถประโยชน์ด้านเวลา  โลจิสติกส์สร้างอรรถประโยชน์จากเวลาโดยการจัดเก็บและแล้วจัดส่งสินค้าไปยังสถานที่ที่ต้องการในเวลาที่ลูกค้ากำหนดไว้

4.  อรรถประโยชน์ด้านกระบวนการ เป็นการสร้างตลอดกิจกรรมการตลาดที่สัมพันธ์กับการส่งเสริมผลิตภัณฑ์   โลจิสติกส์สนับสนุนและสร้างอรรถประโยชน์ในกระบวนการ  เพราะว่าอรรถประโยชน์ด้านสถานที่และเวลาเป็นความต้องการที่มีมาก่อน  เพื่อจัดให้มีสินค้าสนองลูกค้าและจัดส่งสินค้าในสถานที่และเวลาที่ลูกค้าต้องการ

 

ส่วนเกินของผู้บริโภค

          ความตั้งใจของผู้บริโภคในการจ่ายเงินสะท้อนถึงคุณค่าของเงินต่อผลิตภัณฑ์  และความแตกต่างระหว่างสิ่งที่ผู้บริโภคตั้งใจจ่ายกับราคาที่จ่ายจริง  สำหรับสินค้าเป็นที่ทราบกันว่าเป็นส่วนเกินของผู้บริโภค  มูลค่าสูงสุดของเงินที่ลูกค้าตั้งใจจ่าย คือ สิ่งสำคัญที่เกิดจากอรรถประโยชน์ของผลิตภัณฑ์ที่คาดหวังจากข้อเสนออรรถประโยชน์ต่อหน่วย คือ การเห็นแนวโน้มจากการบริโภคส่วนเพิ่มของหน่วยการผลิตในช่วงเวลาที่กำหนด  จึงเกิดส่วนเพิ่มของผู้บริโภค เพราะว่าผู้บริโภคมีความตั้งใจเพื่อจ่ายสำหรับส่วนเพิ่มต่อหน่วยนี้ที่ขึ้นอยู่กับจุดที่เกิดคุณค่าจากอรรถประโยชน์ของหน่วยสุดท้ายเท่ากับราคาต่อหน่วยของผลิตภัณฑ์   เนื่องจากลูกค้าขององค์กรที่ได้รับประโยชน์จากหน่วยงานโลจิสติกส์สามารถเปิดเผยแนวโน้มความตั้งใจจ่ายสำหรับหน่วยส่วนเพิ่มของผลิตภัณฑ์ในช่วงเวลาให้ไว้ ตัวอย่างเช่น ข้อจำกัดความสามารถภายในคลังสินค้าและสิ่งอำนวยการอื่นๆ อาจจำกัดจำนวนสินค้าของธุรกิจที่มีอยู่จริงที่สามารถจัดการสินค้าส่วนเกินทำให้สูญต้นทุนโอกาสและจำนวนผลิตที่มากเกินจะส่งผลต่อความด้อยประสิทธิภาพโลจิสติกส์ทางปฏิบัติ

 

มุมมองด้านคุณค่า

          คุณค่าของผู้บริโภคจะต้องกำหนดจากมุมมองของลูกค้าบนพื้นฐานของความสัมพันธ์ที่มีนัยสำคัญต่อลูกค้า  ได้แก่องค์ประกอบหลากหลายด้านราคา, ต้นทุนรวม, การใช้งานและผลประโยชน์การเป็นเจ้าของหรือการใช้สินค้าหรือบริการ

          มุมมอง 4 ประการ ของความแตกต่างของคุณค่าที่ลูกค้าพึงจะได้รับ  ดังนี้

1. ราคาถูก  ลูกค้าต้องการจ่ายค่าสินค้าหรือบริการในราคาที่คุ้มค่า  มิตินัยสำคัญสูงสุดของคุณค่าดูเหมือนว่าเป็นจำนวนเงินที่น้อยสำหรับลูกค้าที่ต้องจ่าย  แต่ได้รับสินค้าหรือบริการจำนวนมาก

2. ความต้องการในตัวผลิตภัณฑ์  ลูกค้าต้องการคุณค่าในประโยชน์ใช้งานสูงสุดในตัวสินค้าที่มีคุณภาพตามข้อกำหนด

3. คุณภาพที่คุ้มค่า  ลูกค้าต้องการคุณค่าจากคุณภาพผลิตภัณฑ์ในการแลกเปลี่ยนกับราคาที่ต้องจ่าย  เป็นคุณค่าที่สมควรได้ในการชั่งน้ำหนักระหว่างคุณภาพกับราคา

4. สิ่งที่รับคุ้มค่ากับสิ่งที่ให้ลูกค้าต้องการคุณค่าจากสินค้าหรือบริการตามคาดหวังที่คุ้มค่า  โดยพิจารณาจากผลประโยชน์ที่ลูกค้าได้รับ  รวมทั้งความเสียสละ  หรือต้นทุนที่จ่ายด้วยโลจิสติกส์มีกี่วิธีอะไรบ้าง

 

การบริการลูกค้า

         การบริการผู้บริโภคดำเนินการด้วยความร่วมมือเป็นหนึ่งเดียวของกิจกรรมโลจิสติกส์ทั้งหมด  ความพึงพอใจของผู้บริโภคเกิดขึ้นเมื่อมีการผลิตหรือจัดหาบริการ  การตลาดและความพยายามของโลจิสติกส์ให้ประสบความสำเร็จรวมทั้งการเพิ่มคุณค่าที่พอเพียงเพื่อป้องกันผู้บริโภคหนีไปซื้อจากผู้อื่น   ความพึงพอใจของลูกค้า คือปฏิกิริยาทางบวกต่อสินค้าหรือบริการ  ที่ขึ้นอยู่กับส่วนเกินของคุณค่าที่ได้รับจากสินค้าหรือบริการที่มากกว่าบางมาตรฐานที่นำเสนอ

           ความคาดหวังของผู้บริโภคของสินค้าและบริการแต่ละองค์ประกอบของระบบโลจิสติกส์ขององค์กรสามารถมีผลกระทบต่อสิ่งที่ผู้บริโภคได้สินค้าที่ถูกต้อง, บริการที่ถูกต้อง, สารสนเทศที่ถูกต้อง, ณ สถานที่ที่ถูกต้อง, ในเวลาที่ถูกต้อง, เงื่อนไขและจำนวนที่ถูกต้อง, และด้วยราคาที่ถูกต้อง   การบริการผู้บริโภคที่เหมาะสมต้องการระบบโลจิสติกส์ที่มีการจัดการที่ดี  เพื่อที่จะจัดหาระดับความจำเป็นของลูกค้าและความพึงพอใจของลูกค้า ณ จุดต้นทุนรวมต่ำสุด  ระดับของการรักษาผู้บริโภคไว้ได้นี้จะต้องทราบถึงการตอบสนองผู้บริโภคด้วยปฏิสัมพันธ์เชิงบวก  โดยความต้องการแสดงความพึงพอใจกับคุณค่าของสินค้าและบริการ  ปฏิกิริยาเหล่านี้สามารถสนับสนุน  ส่วนแบ่งการตลาดที่ใหญ่ขึ้น  หรือปรับปรุงความสามารถทำกำไรของกิจการได้ ตัวอย่างเช่น การตอบสนองผู้บริโภคจากการซื้อซ้ำ, ความภักดีของผู้บริโภคด้วยคำพูดที่สร้างสรรค์ในการเจรจาสื่อสารเกี่ยวกับข้อมูลสินค้าหรือบริการ

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ