เรามาทำงานขายเพื่ออะไร? : อ.วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์

วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์

ผมเชื่อโดยสนิทใจเลยว่า นักขายส่วนใหญ่เข้ามาทำงานขายก็เพียงแค่ว่ามันเป็นอาชีพๆ หนึ่งที่เขาพอจะทำได้ ทำงานขายเพียงเพื่อให้มีชีวิตรอดผ่านไปได้วันหนึ่งๆ เท่านั้น

การที่นักขายจะประสบความสำเร็จในวิชาชีพการขายได้ในระดับไหนนั้น มันก็ขึ้นอยู่กับว่านักขายผู้นั้นอยากจะให้ตัวเองไปได้ถึงขั้นไหน  มันเป็นเรื่องของการตั้งจุดมุ่งหมายในใจของแต่ละคน  ความสำเร็จนั้น   เกิดขึ้นสองครั้ง ครั้งแรกต้องเกิดขึ้นในใจก่อน แล้วครั้งที่สองก็จะเกิดขึ้นตามมา จากการแปรจุดมุ่งหมายนั้นไปสู่การปฏิบัติให้เป็นจริง

ในความเห็นของผม ผู้คนบนโลกนี้ รวมทั้งนักขายด้วย อาจมีจุดมุ่งหมายในการทำงานแตกต่างกัน อันส่งผลให้พวกเขาประสบความสำเร็จแตกต่างกันไปด้วย ซึ่งก็พอจะแบ่งจุดมุ่งหมายในการทำงานได้เป็น 5 ประการ ดังต่อไปนี้

  1. ทำงานเพื่อให้มีชีวิตรอด
  2. ทำงานเพื่อเสพย์สุข
  3. ทำงานเพื่อความมั่นคง
  4. ทำงานเพื่อแสดงศักยภาพ
  5. ทำงานเพื่ออุดมการณ์

            ผมเชื่อโดยสนิทใจเลยว่า นักขายส่วนใหญ่เข้ามาทำงานขายก็เพียงแค่ว่ามันเป็นอาชีพๆ หนึ่งที่เขาพอจะทำได้ ทำงานขายเพียงเพื่อให้มีชีวิตรอดผ่านไปได้วันหนึ่งๆ เท่านั้น ให้พอมีรายได้เลี้ยงปากเลี้ยงท้อง เลี้ยงครอบครัว พอมีที่อยู่ไว้ซุกหัวนอน พอจะมีเงินไว้ซื้อเสื้อผ้า ซื้อยารักษาโรค ซื้อเครื่องอำนวยสะดวก ในชีวิตได้บ้างตามอัตภาพ นักขายที่มีจุดมุ่งหมายแบบนี้ ทำงานขายในลักษณะคล้ายกับข้าราชการสมัยโบราณ (อาจจะรวมถึงสมัยนี้ด้วยหรือเปล่าก็ไม่ทราบ  เพราะหลายปีมานี่ผมเองก็ห่างเหินไม่ค่อยได้คลุกคลีกับบรรดาข้าราชการมากนัก หากไม่จำเป็น!) คือทำงานขายแบบเช้าชามเย็นชาม ไม่มีความกระตือรือร้น เวลาผ่านไปกี่ปีๆ ก็ไม่มีอะไรพัฒนาขึ้น ทุกอย่างเหมือนเดิม เพิ่มแต่รอยตีนกา! นักขายพวกนี้ส่วนใหญ่มักจะเป็นพวกนักขายหน้าร้าน นักขายตามเคาน์เตอร์ ตามโชว์รูมต่างๆ คนที่เอานักขายพวกนี้มาทำงานขาย ก็มักไม่ได้คิดอะไร และไม่ได้หวังอะไร ขอแค่เอาใครก็ได้สักคนหนึ่งที่ยังหายใจได้ มายืนเฝ้าของเท่านั้น

ในชีวิตประจำวันของเรานั้นต้องเจอะเจอกับนักขายพรรค์อย่างว่านี้มากที่สุด เพราะนักขายพวกนี้ก็มักจะขายอยู่ตามห้างสรรพสินค้า ตามร้านค้า ตามแหล่งค้าขายต่างๆ ที่เราต้องไปซื้อของกินของใช้ในชีวิตประจำวันเกือบทุกวัน การที่ต้องเจอนักขายพวกนี้นี่ ผมถือเป็นความอัปมงคลของชีวิตอย่างหนึ่งทีเดียว
มีนักขายอีกพวกหนึ่งที่มาทำงานขายโดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อเสพย์สุข นักขายพวกนี้ส่วนใหญ่จะขายเก่ง มีฝีมือ มีความกระตือรือร้นไม่เบาเลยทีเดียว แต่เป็นพวกหิวเงินมากไปหน่อย ขอเพียงให้ได้เงินมากๆ เท่านั้น จะให้ขายอะไรก็ได้ แม้สิ่งที่พวกเขาขายอาจจะหมิ่นเหม่ต่อความถูกผิดทางกฎหมาย หรือแม้แต่ล่อแหลม ต่อศีลธรรม นักขายพวกนี้มีรสนิยมแบบวัตถุนิยมเต็มขั้น บริโภคนิยมเต็มที่ ใช้เงินเกินตัว ขับรถหรูหราราคาแพง

 

ซื้อบ้านซื้อคอนโดฯหรูหราใหญ่โต เอาไว้อวดร่ำอวดรวย อวดมั่งอวดมี อวดความอัครฐาน บ้าสินค้ามียี่ห้อระดับโลก มีชีวิตหวือหวาวูบวาบ นักขายพวกนี้มักไม่อยู่ที่ไหนนาน ถ้ามีที่อื่นที่ให้เงินมากกว่า เขาจะไปทันที บางคนไม่ได้ไปคนเดียว ยกยวง ยกก๊วน ไปทั้งแก๊งค์เลย มิหนำซ้ำยังหอบข้อมูล ฐานลูกค้ากลุ่มใหญ่ไปด้วย นักขายพวกนี้เก่งในการหาลูกค้าใหม่ แต่ไม่สนใจรักษาลูกค้าเก่า เพราะเขาไม่ชอบความรับผิดชอบ เก่งในการตีหัวแล้วเข้าบ้าน ถึงที่สุดแล้วนักขายพวกนี้ก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จในวิชาชีพการขายอย่างเป็นชิ้นเป็นอันอะไร ฐานะความเป็นอยู่ก็ขึ้นๆลงๆ ปีนี้ขี่โตโยต้า ปีหน้าขี่เบ๊นซ์ ปีถัดไปนั่งรถไฟฟ้า ปีถัดมาอาจจะนั่ง ขสมก.!

มีนักขายอีกจำนวนไม่น้อยเลยที่ทำงานขายด้วยจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างความมั่นคงและสร้างหลักประกันในชีวิต นักขายกลุ่มนี้ขยันขันแข็ง กระตือรือร้นพอสมควร รับผิดชอบใช้ได้ ประหยัดอดออมเป็นเลิศ ใช้ชีวิตต่ำกว่าความเป็นจริงของตัวเองอย่างน้อยขั้นหนึ่งเสมอ ข้อเสียของนักขายกลุ่มนี้มีเพียงประการเดียวคืออยู่ในโลกของความเป็นจริงมากเกินไป เน้นความมั่นคง เน้นความปลอดภัยในชีวิตมากเกินไป ระมัดระวังตัวเองมากเกินไป จนอาจทำให้ขาดจินตนาการ ขาดความฝัน ขาดความกล้าคิดกล้าทำ กล้าเสี่ยง กล้าได้กล้าเสีย และเมื่อฐานะความเป็นอยู่ทางกายภาพมั่นคงดีแล้ว เป็นอิสระทางการเงินแล้ว ก็หมดไฟเสียดื้อๆ ทำงานรอเวลาเกษียณ อยากจะกลับไปทำสวน ทำไร่ ใช้ชีวิตสงบๆ เข้าวัดเข้าวา ฟังเทศน์ฟังธรรม นั่งวิปัสนากัมฐากกรรมฐานทรมานทร-กรรมอะไรไปโน่น น่าเสียดายที่นักขายกลุ่มนี้สั่งสมความสามารถมาอย่างยาวนานไว้จนถึงขีดสุด แล้วก็หยุดทุกอย่างไว้แค่นั้น พูดง่ายๆ คือพัฒนาตัวมาเองมาจนเก่งที่สุดเพื่อจะหยุดไม่ทำอะไรเลย ที่พูดนี่ไม่ได้บอกว่าถูกหรือผิด เพียงแต่เสียดายจอมยุทธ์ที่ถอนตัวจากยุทธจักรในขณะที่ยังทำประโยชน์อะไรได้อีกมาก ไม่ทำเพื่อตัวเอง ก็น่าจะทำเพื่ออนุชนรุ่นหลังก็ยังดี

สำหรับนักขายระดับยอดฝีมือ ระดับมือกระบี่ที่หนึ่งของแผ่นดิน ระดับ 5% บนยอดสุดของปิรามิด ล้วนมีจุดมุ่งหมายในการทำงานขายเพื่อแสดงศักยภาพ เพื่อปลดปล่อยพลังที่มีอยู่มหาศาลในตัวออกมาให้มากที่สุด นักขายพวกนี้มักไม่ได้เอาเงินมาวางไว้เป็นอันดับแรก แต่ก็มักจะได้มากกว่าพวกเน้นเงินเสียอีก นักขายพวกนี้เมื่อบรรลุความสำเร็จทางการเงินแล้ว ก็ยังคิดการใหญ่ต่อไปได้เรื่อยๆ ทำงานที่ท้าทายมากขึ้น บางคนผันตัวเองมาเป็นโค้ช มาเป็นครู นำประสบการณ์ทั้งหมดที่สั่งสมมาสอนคนรุ่นหลังให้ขายเป็น ขายได้ ขายให้ประสบความสำเร็จ ทำกิจกรรมที่จรรโลงวงการและวิชาชีพ

ส่วนพวกสุดท้ายนี่ต้องถือว่าเป็นคนเหนือคน เป็นนักขายที่ยิ่งใหญ่ เป็นตำนาน เป็นประวัติศาสตร์ เป็นบุคคลผู้เปลี่ยนแปลงโลก มีสถานะที่ลอยเด่นอยู่เหนือยอดปิรามิด คือพวกที่มีจุดมุ่งหมายเพื่ออุดมการณ์ นักขายพวกนี้ไม่ได้ทำงานขายเพื่อตัวเองแล้ว แต่ทำเพื่อประโยชน์ของสังคมและมวลมนุษยชาติ

จุดมุ่งหมายในการทำงานขายนั้นพัฒนาให้สูงยิ่งๆ ขึ้นได้ บางคนอาจเริ่มต้นทำงานขายเพื่อเงิน แต่ในที่สุดก็ได้หล่อหลอมพัฒนาตนเองจนกลายเป็นทำงานขายเพื่อแสดงศักยภาพ และเพื่ออุดมการณ์ได้ในที่สุด

                   แล้วคุณล่ะ มาทำงานขายด้วยจุดมุ่งหมายอะไร ?

 

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ