เจ้าของกิจการผู้มีประสิทธิผลสูง โดย อ.วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์

วสันต์ พงศ์สุประดิษฐ์

ในฐานะผู้ประกอบการ Jobs อาจจะฝันโน่นนี่นั่น (คอมพิวเตอร์สุดล้ำ สมาร์ทโฟนสุดยอด แท็บเล็ตสุดบรรยาย ฯลฯ) แต่เขาก็ไม่มีปัญญาทำมันขึ้นมาได้ แต่ Wozniak ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ สามารถทำได้ แต่ถ้าไม่มี Jobs แล้ว Wozniak ก็ไม่รู้จะทำอะไรเหมือนกัน

ในหลักการหรือแนวคิดเรื่อง “เงิน 4 ด้าน งาน 4 ประเภท” นั้น แม้ว่า “เจ้าของกิจการ” (Business Owner) จะเป็นประเภทของงานที่เชื่อกันว่าจะสามารถทำเงิน หรือสร้างความมั่งคั่งร่ำรวยได้มากกว่างาน “ลูกจ้าง” (Employee) และ “งานอิสระ/เจ้าของธุรกิจส่วนตัว” (Self-employed)ก็ตาม (ขอละเว้นงานประเภท “นักลงทุน” หรือ Invester ไว้ก่อน จะยังไม่นำมาเปรียบเทียบกับงานประเภทอื่นในตอนนี้) แต่ก็ใช่ว่าผู้ที่เป็น “เจ้าของกิจการ” จะเป็นผู้ประสบความสำเร็จกันทุกคน หรือมั่งคั่งร่ำรวยกันได้ทุกคน จะว่าไปแล้ว ต้องขอกล่าวว่าเจ้าของกิจการส่วนใหญ่ หรือไม่น้อยกว่า 80%…ไม่ประสบความสำเร็จ!ไม่ได้มั่งคั่งร่ำรวย! คำถามคือ ทำไม?

คำตอบคือ การจะเป็นเจ้าของกิจการที่ประสบความสำเร็จได้นั้น จะต้องเป็น “เจ้าของกิจการผู้มีประสิทธิผลสูง” ซึ่งต้องมีคุณสมบัติ 3 ประการ คือ

1.ต้องมีภาวะของผู้ประกอบการ (Entrepreneurship)
2.ต้องมีทักษะทางการจัดการ (Managerial Skill)
3.ต้องมีความเป็นผู้ชำนาญการ (Specialist)

พูดง่ายๆ คือ เจ้าของกิจการผู้มีประสิทธิผลสูงนั้น จะต้องมี 3 อย่างอยู่ในร่างเดียวกัน คือเป็นทั้งผู้ประกอบการ เป็นทั้งผู้จัดการ และเป็นทั้งผู้ชำนาญการ ซึ่งแน่นอน ในโลกนี้จะหาใครที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ทั้งสามอย่างนั้น เป็นเรื่องที่ยากยิ่ง

                   แต่ปัญหาไม่ได้อยู่ที่จะทำให้คนคนเดียวมีคุณสมบัติทั้งสามอย่างนี้ได้อย่างไร เพราะเป็นไปเกือบจะไม่ได้ แต่ประเด็นคือต้องใช้คุณสมบัติสามอย่างนี้เท่านั้นจึงจะทำให้กิจการนั้นประสบความสำเร็จ ดังนั้น ถ้าคนคนเดียวไม่อาจมีคุณสมบัติสามอย่างได้ ก็ต้องใช้คนสามคนที่มีคุณสมบัติคนละอย่าง มาร่วมด้วยช่วยกันดำเนินกิจการนั้นให้ประสบความสำเร็จ!
                        Steve Jobs มีความเป็นผู้ประกอบการอยู่สูงมาก (ซึ่งจำเป็นที่สุดสำหรับคนที่จะเป็นเจ้าของกิจการ เจ้าของกิจการอาจไม่มีคุณสมบัติเป็นผู้จัดการ หรือเป็นผู้ชำนาญการ แต่จะไม่มีความเป็นผู้ประกอบการไม่ได้โดยเด็ดขาด เพียงแต่มีคุณสมบัตินี้เพียงอย่างเดียวนั้นมันไม่เพียงพอ) เพราะผู้ประกอบการต้องมีทั้งความฝัน ความกล้า ความสนุก (อย่างที่ได้เคยกล่าวไว้ในครั้งที่แล้ว) แต่ Jobs ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ เขาไม่เชี่ยวชาญเรื่องคอมพิวเตอร์ ไม่เชี่ยวชาญเรื่องเทคโนโลยีเท่า Steve Wozniak  ซึ่งเป็นหุ้นส่วนของเขา มิหนำซ้ำเขาก็ไม่เอาไหนเลยในเรื่องของการจัดการ (Management)เขาไม่เชี่ยวชาญเรื่องระบบ (System) เรื่องโครงสร้าง (Structure) ซึ่งจำเป็นมาก หากต้องการให้ธุรกิจเติบโต ในที่สุดเขาก็ต้องไปใช้บริการจากนักบริหารอาชีพ คือ John Sculley ที่เขาดึงตัวมาจากเป๊บซี่ และต่อมาก็เปลี่ยนมาเป็น Tim Cook จนถึงปัจจุบัน

ในฐานะผู้ประกอบการ Jobs อาจจะฝันโน่นนี่นั่น (คอมพิวเตอร์สุดล้ำ สมาร์ทโฟนสุดยอด แท็บเล็ตสุดบรรยาย ฯลฯ) แต่เขาก็ไม่มีปัญญาทำมันขึ้นมาได้ แต่ Wozniak ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ สามารถทำได้ แต่ถ้าไม่มี Jobs แล้ว Wozniak ก็ไม่รู้จะทำอะไรเหมือนกัน เขาคิดเองไม่เป็น เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญ ไม่ใช่ผู้ประกอบการ และไม่ใช่ผู้จัดการด้วย ส่วน Sculley และ Cook ก็ไม่ได้มีคุณสมบัติเป็นผู้ประกอบการ ไม่มีคุณสมบัติเป็นผู้เชี่ยวชาญ (ในทางเทคโนโลยี) พวกเขาเป็นนักจัดการ เป็นมือปืนรับจ้าง เป็นนักบริหารอาชีพ พูดง่ายๆ คือ Jobs ฝัน , Wozniak ทำ (ซึ่งในยุคต่อๆมา Jobs ก็ใช้บริการผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านอื่นๆ อีกหลายคน ส่วน Wozniak ก็ถอยไปเป็นผู้ถือหุ้นและกรรมการบริษัทเท่านั้น) ส่วน Sculley และ Cook ในฐานะผู้ทำหน้าที่บริหารจัดการ ก็จะกำกับดูแลให้กระบวนการทางธุรกิจทั้งหมดมันดำเนินไปได้จนเสร็จ และสำเร็จ

เจ้าของกิจการจำนวนมากมีแต่ความเป็นผู้ประกอบการ แต่ไม่สามารถทำให้ฝันเป็นจริง ไม่สามารถหาคนมาสานต่อวิสัยทัศน์ของตนเองได้ (ขาดผู้เชี่ยวชาญ) รวมทั้งไม่สามารถหาคนมาช่วยบริหารจัดการระบบให้มันเป็นไปโดยมีระเบียบได้ (ขาดผู้จัดการ) แต่หลายคนก็มีคุณสมบัติเป็นผู้เชี่ยวชาญสูง อยากเป็นเจ้าของกิจการ อุตส่าห์ลาออกจากงานประจำมาทำกิจการ แต่ก็ต้องเหนื่อยสายตัวแทบขาด เพราะมัวแต่ทำด้วยตนเองอยู่ทุกเรื่อง ด้วยจริตของตนเองเป็นผู้เชี่ยวชาญจึงมีความสุขที่จะต้องทำด้วยตนเอง และไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น วันๆ จึงปล้ำอยู่กับงาน ไม่มีวิสัยทัศน์อะไร (ไม่มีความเป็นผู้ประกอบการ)  แถมระบบงานก็ยุ่งเหยิง มั่วไปหมด (ไม่มีความเป็นนักจัดการ) และหลายคนก็อาจมีความเป็นผู้จัดการอยู่สูง พอมาเป็นเจ้าของกิจการก็เอาแต่เน้นเรื่องระบบ เน้นเรื่องระเบียบ มากจนเกินไป ไม่กล้าเสี่ยง ไม่กล้าลองผิดลองถูก ต้องการความแน่นอนสูง ทำให้ในช่วงต้นของธุรกิจมันไม่ยืดหยุ่น มันแข็งตัว มันไม่สามารถปรับตัวไปกับความเปลี่ยนแปลงอย่างขนานใหญ่ชนิดอภิมหาโกลาหลอลหม่าน ซึ่งเป็นเรื่องปกติของทุกธุรกิจในช่วงก่อร่างสร้างตัวได้

เจ้าของกิจการอาจเริ่มต้นธุรกิจจากความเป็นอะไรก่อนก็ได้จากจุดแข็งของตัวเอง เช่น เริ่มจากการเป็นผู้ประกอบการ หรือเริ่มจากการเป็นเป็นผู้เชี่ยวชาญ หรือเริ่มจากการเป็นผู้จัดการ แต่สิ่งสำคัญคือต้องรู้ตัวเองให้ได้ก่อนว่าตนเองมีจุดแข็งในเรื่องใด แล้วพยายามเสริมจุดอื่นให้มีเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะคุณสมบัติความเป็นผู้ประกอบการ ถ้าไม่มีมาแต่ต้นก็ต้องปรับเปลี่ยนวิธีคิด ปรับเปลี่ยนทัศนคติ กันอย่างขนานใหญ่ เพราะคุณสมบัติในประการอื่นนั้น ยังพอไปใช้บริการจากผู้ที่มีจุดแข็งที่ตนเองไม่มีได้

ถึงที่สุดแล้ว ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะมาเป็นเจ้าของกิจการได้ ไม่ใช่เรื่องความยากความง่าย แต่เป็นเรื่องความเหมาะสมหรือไม่เหมาะสมมากกว่า บางคนประสบความสำเร็จได้ในสถานะลูกจ้าง บางคนต้องไปทำงานอิสระหรือทำธุรกิจส่วนตัวจึงจะประสบความสุข และความสำเร็จ ในขณะที่บางคนเท่านั้นที่จะมาเป็นเจ้าของกิจการได้

                        และถ้าจะเป็นเจ้าของกิจการที่มีประสิทธิผลสูง ก็อย่าลืมคุณสมบัติ 3 ประการนี้ คือ ความเป็นผู้ประกอบการ ความเป็นผู้เชี่ยวชาญ และความเป็นผู้จัดการ ไม่มีข้อไหน ก็ต้องไปเสาะแสวงหามาให้มีให้ได้!

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ