ธุรกิจของเราเป็นข้าวใหม่ปลามันหรือเปล่า โดยดร.รัญชนา รัชตะนาวิน

Nanyarath Niyompong

การเริ่มต้นดำเนินธุรกิจในช่วงแรกดูจะมีสีสันสดใส ทุกอย่างดูเหมือนจะมีความเป็นไปได้หมด ตลาดดูดี พนักงานมีพร้อมเต็มกำลัง โฆษณาประชาสัมพันธ์ลงไม่อั้น เตรียมผลิตเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับลูกค้า

การเริ่มต้นดำเนินธุรกิจในช่วงแรกดูจะมีสีสันสดใส ทุกอย่างดูเหมือนจะมีความเป็นไปได้หมด ตลาดดูดี พนักงานมีพร้อมเต็มกำลัง โฆษณาประชาสัมพันธ์ลงไม่อั้น เตรียมผลิตเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับลูกค้า ฯลฯ ทำให้ในช่วงเริ่มต้นนั้น แทบจะไม่มีเวลามามองดูเงินที่ใช้ไปในการลงทุนเลย ใครแนะนำอะไรก็พร้อมจะทำหมด คล้ายๆ จะเป็นเทศกาลแห่งความสุข เงินทุนที่มีอาจจะทุ่มสุดตัว ถ้าหากธุรกิจที่มีการวางแผนและรองรับระบบต่างๆ ได้ดี มักที่จะไม่มีปัญหาเกิดขึ้น แต่ถ้าหากเจ้าของธุรกิจที่ไม่มีระบบ ระเบียบรองรับไว้เลย เมื่อลืมมองย้อนกลับมาอาจจะก้าวเดินต่อไปไม่ได้ เนื่องจากกระแสเงินสดนั้น มีไม่พอต่อการดำเนินงาน มาดูกันเลยดีกว่าว่าเตรียมความพร้อมกันแค่ไหน

คงเคยได้ยินสำนวนไทยที่ว่า “ข้าวใหม่ปลามัน” เป็นสำนวนที่ใช้กับสามีภรรยาที่เพิ่งจะแต่งงานคบหากันใหม่ๆ ทุกอย่างดีไปหมด เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับการเริ่มต้นธุรกิจ “ข้าวใหม่ปลามัน” นี้ ก็เช่นกัน ทุกอย่างดูดีไปหมด ไม่เห็นอะไรที่เป็นอุปสรรค ตลาดที่เจ้าของธุรกิจมองว่าเป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ดูจะตรงกลุ่มที่ตั้งไว้ อยู่ในทำเลที่ไม่ได้คิดไว้ก่อนว่าจะเป็นสถานที่ๆ ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายจะมาซื้อสินค้ากับธุรกิจเราหรือไม่ และอื่นๆ อีกมากมาย …

ทำเล ถือเป็นสิ่งแรกที่ธุรกิจต้องคิดตัดสินใจในการดำเนินธุรกิจหลัก เนื่องจากเป็นทำเลที่จะต้องใช้ในการทำธุรกิจไปอีกหลายปี ก่อนอื่นควรคิดก่อนว่าทำเลที่เลือกนี้เป็นสถานที่ที่จะใช้ผลิตสินค้า หรือว่าเป็นสถานที่ที่จะให้ลูกค้าได้มาซื้อสินค้าหรือบริการ ถ้าหากเป็นทำเลที่ผลิตสินค้า คงไม่จำเป็นต้องหาทำเลที่มีการเดินทางสะดวกนัก หรืออยู่ในห้างสรรพสินค้า หรือติดถนนที่สามารถมองเห็นชัดเจน หรืออยู่ในย่านที่มีค่าเช่าสูงนัก หาทำเลที่สามารถดำเนินการผลิตให้ได้ตามความเหมาะสมของธุรกิจนั้นๆ หรือใกล้แหล่งวัตถุดิบ ซึ่งจะทำให้เสียค่าใช้จ่ายในการเช่าพื้นที่เพื่อการผลิตนี้น้อยลง การผลิตสินค้าที่ไม่จำเป็นต้องมีหน้าร้านเลย เมื่อธุรกิจเป็นผู้ผลิตและส่งให้ตัวแทนหรือร้านค้าอื่นจำหน่ายให้ สามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเช่าได้อย่างมาก

แต่ถ้าหากธุรกิจนั้น จำเป็นจะต้องมีหน้าร้าน การหาทำเลที่ตั้งร้านค้านั้นมีความจำเป็นอย่างมาก เพื่อที่จะให้ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าหรือใช้บริการได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ หลักการเลือกทำเลที่ตั้ง ควรเลือกทำเลที่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลักของธุรกิจจะสามารถเข้ามาซื้อสินค้าหรือบริการให้ได้มากที่สุด และเมื่อเลือกทำเลที่ตั้งแล้ว ลำดับถัดมา ธุรกิจจำเป็นจะต้องใช้เงินทุนในการตกแต่งร้านค้านี้ให้ดูสวยงาม เพื่อที่จะให้ลูกค้ารู้สึกพึงพอใจต่อการเข้ามาซื้อสินค้าและบริการ ซึ่งเงินลงทุนในการตกแต่งนี้ ค่อนข้างจะต้องใช้มากพอสมควร หากธุรกิจไม่มีปัญหาหรือไม่มีความจำเป็นต้องเปลี่ยนทำเลที่ตั้ง เจ้าของธุรกิจไม่ควรเปลี่ยนทำเลที่ตั้งเลย เพราะนั่นจะทำให้เงินลงทุนของธุรกิจหมดไปกับค่าตกแต่งสถานที่ ซึ่งเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ แต่ถ้าหากการเปลี่ยนทำเลที่ตั้งใหม่สามารถทำได้ในกรณีที่ ทำเลใหม่เป็นสถานที่เข้าหาลูกค้าได้มาก ง่ายกว่า และเสียค่าเช่าถูกกว่าในระยะยาว

เจ้าของกิจการควรทำข้อมูลเปรียบเทียบ โดยแสดงยอดเงินลงทุนและค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นกับการตัดสินใจเลือกทำเลที่ตั้งด้วย เพื่อเป็นการยืนยันข้อมูลอย่างมีหลักการ และแสดงให้เห็นเป็นตัวเลขเปรียบเทียบกันได้ จะช่วยทำให้เกิดการตัดสินใจที่ดีต่อธุรกิจ

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ