มาเป็นเถ้าแก่มืออาชีพกันเถอะ…ชีวิตมีสุขกว่าเยอะ : สุภัค หมื่นนิกร

อ.เสน่ห์ ศรีสุวรรณ

เผลอแป๊บเดียว…!!! เข้ามาครั้งที่ 8 แล้ว อีกไม่กี่เดือนก็ปีใหม่แล้ว เวลาช่างผ่านไปรวดเร็วนะครับ เหมือนอายุคนเราที่เปลี่ยนแปลงกันไปเร็วมาก สุขภาพของคนร้านอาหารนั้นส่วนมากจะทำงานหนัก มัวแต่ทำงานไม่มีเวลาใช้เงิน แต่คนร้านอาหารรุ่นใหม่เองก็หนีไม่พ้น

เผลอแป๊บเดียว…!!!  เข้ามาครั้งที่ 8 แล้ว อีกไม่กี่เดือนก็ปีใหม่แล้ว เวลาช่างผ่านไปรวดเร็วนะครับ  เหมือนอายุคนเราที่เปลี่ยนแปลงกันไปเร็วมาก  สุขภาพของคนร้านอาหารนั้นส่วนมากจะทำงานหนัก  มัวแต่ทำงานไม่มีเวลาใช้เงิน     แต่คนร้านอาหารรุ่นใหม่เองก็หนีไม่พ้นเรื่องนี้เช่นกัน  แค่เพียงว่าปล่อยวางได้มากหน่อยเท่านั้นเอง. 

 

         เชื่อไหมครับว่า ถ้าเราใช้วิธีบริหารงานแบบมืออาชีพ ชีวิตเราจะมีเวลาเหลือมามองภาพรวมธุรกิจของเรา  มีเวลาไปเดินสำรวจหาทำเลว่ามีห้างไหนเปิดใหม่  รู้ว่าตอนนี้ตลาดเปลี่ยนไปแล้วอย่างไร  ได้มีเวลารักษาสุขภาพ  มีเวลาให้ครอบครัว  แล้วเราจะเริ่มต้นอย่างไรเราลองมาดูกันไหม

 

        เริ่มต้นขั้นที่ 1 ทำงบกำไรขาดทุนมาดูกันก่อนนะครับ  หลายธุรกิจไม่เคยมีงบกำไรขาดทุน   แต่อยากค้าขายได้กำไรจึงดูแค่เงินหมุนเวียน  คุณเชื่อไหมถ้าคุณปิดงบกำไรขาดทุนแบบง่ายๆ   คุณสามารถนำงบนี้มาบริหาร คุณจะควบคุมค่าใช้จ่ายและเพิ่มยอดขายได้ไม่ยากเลยครับ

 

         ขั้นที่ 2 เพิ่มยอดขายกันด้วยการมานั่งดูว่าเมนูไหนขายดีที่เราควรส่งเสริม  อาจเป็นเมนูเด็ดประจำร้านก็ได้  และเมนูไหนที่ขายไม่ดีที่เราควรตัดทิ้ง  จากนั้นนำมาคิดเพิ่มยอดขายจากสูตรคำนวณที่ว่า

                 

                            ยอดขาย = ยอดจ่ายเงินของลูกค้า X จำนวนลูกค้าใช้บริการในร้าน

 

         แค่ให้พนักงานเชียร์ขายเมนูอื่นๆ เพิ่มจากรายการที่ลูกค้าสั่งแค่นี้ เราก็ได้เงินเพิ่มแล้ว  มีสินค้าทำเป็นของฝากซื้อกลับบ้านก็ได้ยอดขายเพิ่มขึ้นแล้ว  ลองนึกดูนะครับบางทีซื้อของกลับไปฝากคนอื่นใช้เงินมากกว่านั่งทานที่ร้านเสียอีก  หรือการให้บริการลูกค้าจนเกิดความประทับใจในบริการ ลูกค้าเก่าก็จะกลับมาซื้อซ้ำบ่อยๆ  ลูกค้าใหม่เข้าร้านเรามากขึ้น เราก็ได้ยอดขายแล้ว

 

         ขั้นที่ 3 ต้องเปลี่ยนคอนเซ็ปต์ร้านใหม่เพื่อเพิ่มยออดขาย   สมมุติตอนนี้ร้านเราเป็นร้านขายอาหารไทย  ลูกค้าทานอาหารไทยน้อยลงเราอาจจะลองเปลี่ยนมาเป็น Family Thai Restaurant โดยมีการเพิ่มเมนูสุขภาพ เช่น อาหารคลีน  อาหารสำหรับคนสูงอายุ หรือเพิ่มเมนูสำหรับเด็กๆเพิ่มขึ้นมา   มีมุมสาธิตพร้อมขายของทานเล่น เช่น ขนมเบื้อง ขนมครกเป็นต้น  จัดกิจกรรม Cooking Class เพื่อคุณแม่บ้าน  จัดกิจกรรม Wine Tasting เพื่อคุณพ่อบ้าน  เป็นต้น  เพียงแค่เปลี่ยนคอนเซ็ปต์ร้าน  เปลี่ยนแนวคิดบางเรื่อง  ชีวิตเราจะเปลี่ยน  ธุรกิจเราจะเปลี่ยน 

 

        ขั้นที่ 4 สร้างทีมงานโดยเริ่มต้นแบ่งแผนกต่าง ๆ เช่น  แผนกครัว  แผนกบาร์น้ำ  แผนกการเงิน   แผนกบริการ ต้องหาพนักงานมาทำงานในแต่ละส่วน   มีตำแหน่งทีมผู้บริหารร้านที่มาช่วยเราจัดการในเรื่องต่างๆ  รวมทั้งบทบาทของเราในฐานะเจ้าของร้านที่ควบคุมได้  แต่อยู่ในบทบาทที่ให้ทีมผู้บริหารได้ทำงานได้

 

          ขั้นที่ 5 กำหนดทุกอย่างให้เป็นมาตรฐานงานให้หมดทุกเรื่องแทนที่จะอยู่ที่ตัวเรา   ถอดความรู้ทุกๆอย่างให้พนักงานทราบ  การบริหารร้านไม่มีความลับหรอกครับ  สูตรอาหารต่างหากที่มีความลับ  ถ้าผมจะเริ่มตั้งแต่การจดบันทึกและบอกถึงการสั่งสินค้า  การรับสินค้า   การเตรียมสินค้า  ขั้นตอนการประกอบอาหาร  การเช็คสินค้าก่อนเสิร์ฟ   การบริการ  การแนะนำสินค้าขายดีประจำร้าน  การเชียร์เพื่อเพิ่มยอดขาย  การทำความสะอาดร้านตั้งแต่หน้าร้านถึงระบบครัว  เป็นต้น

 

          ขั้นที่ 6 การจัดอบรม  เพราะเมื่อเรามีมาตรฐานงานแล้ว  การสร้างคนของเราให้มีมาตรฐานนั้นไม่ยากแล้ว  เพียงแค่จัดให้เขารับทราบในข้อมูลต่างๆที่เรามีในรูปแบบต่างๆ. เช่น  การจัดอบรม   ให้พนักงานรุ่นพี่ถ่ายทอดให้พนักงานรุ่นน้อง  อัดลง YouTube เป็นต้น

 

          ขั้นที่ 7 คุณอาจจะต้องหาทีมงานใหม่  เพื่อมาทดแทนคนเก่าๆหัวดื้อของคุณที่ไม่ยอมรับระบบใหม่  คำถามง่ายๆคือ ชีวิตคุณต้องลำบากเพราะคนกลุ่มนี้ทำไม  วันนี้คนที่อยากทำร้านอาหาร และเคยทำร้านอาหารนั้นเยอะมาก   เราหาคนได้ถ้าจ่ายรายได้เหมาะสมกับหน้าที่ของงาน   ดูแลพนักงานดี   ให้ความรักความอบอุ่น  มีเงินพิเศษเพื่อสร้างแรงกระตุ้น  เท่านี้เราก็จะหาพนักงานใหม่ๆได้ไม่ยาก

 

          ขั้นที่ 8 โปรโมตร้านด้วยวิธีต่างๆในสมัยนี้ทำได้ง่ายและหลายช่องทาง  เช่น  ร้านคุณอร่อยมาก  คุณหรีดอาจจะมาชิมโปรโมตร้านคุณให้ และเดี่ยวนี้มีรายการพาชิมอาหาร ร้า นอร่อยเยอะมาก  เอาธุรกิจคุณลงดิจิทัลออนไลน์โปรโมตไปเลย  สมัยนี้คนนิยมทำกันเยอะมากๆๆ  ลูกศิษย์ผมหลายคนทำ ลงทุนน้อยได้ผลดีเกินคาด

 

         ขั้นที่ 9 กำหนดระบบงานและระบบคนให้แน่นๆ เพราะเมื่อเราทำงานมาถึงขนาดนี้แล้ว เราต้องขันเกลียวให้ระบบงานแน่น   คนของเราทำงานให้ชำนาญๆมากๆ   แล้วเรามานั่งดูภาพรวมของธุรกิจว่ายังขาดอะไร  นั่งคำนวณซิว่าสาขานี้ของเราถึงจุดคุ้มทุนแล้วหรือยัง   ถ้าเราไม่เข้าร้านๆยังคงดีมีมาตรฐานอยู่ไหม   เพราะขั้นต่อไปนี้คือการเตรียมตัวเปิดสาขาใหม่ๆแล้วครับ

 

      

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ