เวลาคือสิ่งสำคัญยิ่งของมนุษย์ การช่วยให้ใช้เวลาได้เกิดประโยชน์ที่สุดเป็นสิ่งวิเศษมาก
เครื่องบินทำให้เราเดินทางไปยังที่หมายได้รวดเร็ว พ.ศ.2531 เมื่อครั้งผมเป็นเด็กอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่
ตอนที่ได้นั่งเครื่องบินครั้งแรกมากรุงเทพตอนนั้นผมอายุประมาณ 16 ปี เคยมีความคิดแผลงๆ ว่าคงจะดีไม่น้อยถ้าหากเราสามารถไปทำงานที่กรุงเทพไปกลับทุกวันได้ ใน พ.ศ.2560 ทำได้แล้วครับ ถ้าหากไม่เหนื่อยกับการเดินทาง การเดินทางไปกลับกรุงเทพ เชียงใหม่ ทำได้ทุกวัน ถ้าไม่ใช่ปัญหาเรื่องเงินเดินทาง สายการบินไปเชียงใหม่มีแทบทุกชั่วโมง สะดวกยิ่งกว่ารถทัวร์ เทคโนโลยีช่วยย่นเวลาของชีวิต และถ้าเป็นอินเทอร์เน็ตก็ยิ่งไปกันใหญ่ ช่วยย่นระยะเวลาทุกอย่างของโลกและชีวิตของทุกคนบนโลกใบนี้
พาสปอร์ตหนังสือเดินทางของผมหมดอายุในวันที่ 21 มีนาคม 2560 ปลายเดือนนี้ผมต้องเดินทางไปสิงคโปร์กับคณะกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจดิจิตอลและสังคม ความคิดแรกที่แวบเข้ามาหลังจากที่รู้ตัวว่าต้องเตรียมตัวเดินทาง จะไปทำวันไหน กี่โมงดี ถ้าไปที่กรมการกงสุล บ้านอยู่แถวนนทบุรี ถ้าไปตอนเช้าต้องออกเดินทางไปต้องแต่เช้าเพื่อไปเข้าคิวรถติดมาก อย่าให้บอก ถ้าไปบ่ายเลยก็รอให้เช้าหายรถติดก่อน แค่คิดว่าจะต้องไปรอคิวก็น่าจะกินเวลาในการทำพาสปอร์ตไม่ตำ่กว่า 3 ชั่วโมง แค่คิดก็เหนื่อยแล้ว
พ.ศ.2532 เวลานั้นพ่อและแม่วางแผนจะให้ผมไปเรียนต่อที่ออสเตรเลีย ผมจำได้ว่านั่งรถทัวร์มาจากเชียงใหม่ เตรียมเอกสารมาปึกใหญ่ที่เกี่ยวข้อง มาที่ถนนศรีอยุธยา กรุงเทพฯ ผู้คนเยอะมาก ถ้าเอกสารผิดแม้แต่ฉบับเดียวเป็นอันเลิกไปเริ่มต้นใหม่ เวลานั้นผมทำพาสปอร์ตเสร็จแล้วก็ต้องรอรับที่กรุงเทพ กลับไปเชียงใหม่ก็ต้องมารับใหม่เสียเวลาเสียค่ารถ เป็นอะไรที่ยุ่งยากมาก 28 ปีที่แล้วการบริการทำพาสปอร์ตไม่ได้กระจายไปอยู่ต่างจังหวัดเหมือนทุกวันนี้ ใครจะทำพาสปอร์ตมาที่กรุงเทพเท่านั้น
ระหว่างที่ผมกำลังวางแผนจะไปต่ออายุพาสปอร์ตเล่มใหม่ ซึ่งต้องรีบทำส่งก็แวะเข้าไปค้นข้อมูลใน Google หน่อยเพื่อมีข้อมูลอะไรที่ต้องอัพเดท จะได้ไม่เสียเวลาเดินทาง เอกสารเตรียมไปให้พร้อม ระหว่างที่เข้าไปก็ลองดูว่าที่เว็บไซค์ของกรมการกงสุล เห็นมีแอปให้ติดตั้งในสมาร์ทโฟน ผมก็จัดการรีวิวขึ้นยูทูปเผื่อใครที่ยังไม่ได้ใช้งาน เห็นบริการน่าสนใจ จองทำพาสปอร์ตออนไลน์ การจองในมือถือจอเล็กเลยเปลี่ยนมาลองใช้งานที่คอมพิวเตอร์ น่าสนใจมากเพราะเราสามารถจองเวลาไปทำพาสปอร์ตได้ คล้ายกับการขอวีซ่าสถานทูตสหรัฐอเมริกา ที่ผมเคยไปขอเมื่อปี พ.ศ.2551 จองเวลาไปขอวีซ่าสะดวกมาก
ขั้นตอนเข้าไปใช้งานก็ต้องสมัครเป็นสมาชิกก่อนครับ ที่เว็บไซค์ www.passport.int.h ยืนยันที่อีเมล จากนั้น ก็เลือก วัน เวลา สถานที่ จะไปใช้บริการ แบ่งเป็นภาคเช้า ภาคบ่าย บอกรายละเอียดว่าที่ไหนการใช้งานหนาแน่น ผมเลือกใกล้บ้าน กรมการกงสุล แถวแจ้งวัฒนะ
มาถึงขึ้นตอนสุดท้าย มีบาร์โค้ด ให้ถ่ายภาพใส่สมาร์ทโฟนไว้ ระบบบอกว่าให้ไปถึงก่อน 30 นาที เพื่อรับบัตรคิว นึกในใจสะดวกดีไม่ต้องไปน่ารอต่อคิวที่ยอดเยี่ยมไปกว่านั้น คือ มีระบบอีเมลในการเตือนให้ไปทำหนังสือเดินทางด้วย
ผมโพสต์บอกเพื่อนๆ บนเฟซบุ๊ก และ ทวิตเตอร์ เกี่ยวกับข่าวการเปิดบริการ จองทำหนังสืออนไลน์ หลายคนเข้ามาขอบคุณบอกว่าเพิ่งทราบว่ามีบริการแบบนี้ด้วย และบุคคลสำคัญคือพี่วีรพันธ์ โตมีบุญ ผู้สื่อข่าวอาวุโสด้านไอที หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
โพสเข้ามาบอกว่าเพิ่งทราบเหมือนกัน ผมจึงมีแรงบันดาลใจที่อยากจะเขียนเล่าให้ท่านผู้อ่านได้ทราบกันถึงความยอดเยี่ยมของการบริการจองทำหนังสือเดินทางออนไลน์
https://www.youtube.com/watch?v=hiS987C4lxw
วันพฤหัสบดีที่ 9 มีนาคม พ.ศ.2560 หนึ่งวันหลังจากลงทะเบียนไม่ถึง 24 ชั่วโมง
ผมนั่งรถแท็กซี่จากที่พักแถวสะพานพระนั่งเกล้า เพียง 30 นาทีก็ถึงกรมการกงสุลแล้ว
เดินเข้าไปถามเจ้าที่ รปภ. ว่าทำหนังสือเดินทางจองเวลาออนไลน์ที่ไหน เธอชี้ไปที่ชั้น 2
กรมการกงสุลผู้คนเยอะมากครับ เวลามาทำพาสปอร์ตได้แง่คิดอย่างหนึ่งทางประชาธิปไตยก็คือ
เราทุกคนเท่าเทียมกัน ใครที่เป็นคนไทยก็ต้องมาทำหนังสือเดินทางทั้งนั้นไม่ว่าจะยากดีมีจน
เป็นคนไทยเหมือนกัน แต่ถ้าพาสปอร์ตราชการก็มีข้อยกเว้น ซึ่งเมื่อครั้งผมเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจ
ก็เคยมีเหมือนกันครับเป็นเล่มสีน้ำเงิน
เดินขึ้นไปที่ชั้น 2 มีเขียนว่า จองหนังสือเดินทางออนไลน์ ผมเข้าไปหาเจ้าหน้าที่
เวลานั้น 11.00 น.
“สวัสดีผมจองออนไลน์มาครับ” พร้อมกับหยิบโทรศัพท์ให้ดูมีภาพ QR Code
“พี่ทำครบถูกต้องหมดแล้ว จะเรียกอีกที 11.30น. พี่ไปทานข้าวก่อนก็ได้ครับ เดี่ยวค่อยมาตามคิว”
ผมมองสายตาไปรอบๆ ประชาชนที่มานั่งรอคิวออนไลน์ไม่เยอะ ไม่เกิน 10 คน แสดงว่าอาจจะยังไม่ค่อยทราบหรืออย่างไร แต่อีกฝั่งที่ทำพาสปอร์ตปกติ ผู้คนเยอะมากจริงๆ สำหรับผมแล้วถ้าต้องรอคงไม่สนุกแน่ ความจริงลึกๆ ผมก็รอได้ก็เอาหนังสือไปนั่งอ่าน เปิดเพลงฟัง เผาเวลาไปเรื่อยๆ
แต่มีบริการแบบนี้จะดีกว่า
เดินลงไปชั้นล่างหาอะไรทานก่อน ขอบอกว่าห้องอาหารกรมการกงสุล อาหารดูดีมาก สะอาดราคาไม่แพง เหมือนกับในห้างสรรพสินค้าชั้นนำครับ อาหารเยอะหลากหลาย ผมสั่งขนมจีนน้ำเงี้ยว ต่อด้วย ข้าวคลุกกะปิ น้ำเปล่า จ่ายค่าบัตรไป 100 บาท เหลือทอนมา 5 บาท ถ้ามา กรมการกงสุลขอแนะนำทานอาหารในโรงอาหารของกรมครับ ยอดเยี่ยมมาก
https://www.youtube.com/watch?v=79U0pPMM3gs
ถึงเวลา 11.30 น.ไปรับบัตรคิวแล้ว เจอเจ้าหน้าที่คนเดิม ผมถ่ายคลิปไว้เล็กน้อย บอกเขาว่า
มีพรรคพวกอยากรู้วิธีการจะรีวิวขั้นตอนแล้วอัพโหลดขึ้นยูทูป
“พี่ถ่ายตรงนี้ได้ครับ แต่ข้างในอย่าถ่ายนะครับ”
“ได้เลยครับผม”
น้องเจ้าหน้าที่ สแกนคิวอาร์โค้ดแป๊บเดียวก็ยื่นเอกสารให้ผมสองใบ เป็นบัตรคิว
และเอกสารแสดงตัว
เดินเข้าไปในห้อง เจ้าหน้าที่วัดส่วนสูง จากนั้นก็เรียกเข้าไป พิมพ์ลายนิ้วมือดิจิตอล
สี่นิ้วมือซ้ายและมือขวา นิ้วหัวแม่โป้ง ถ่ายรูปติดบัตร เธอบอกให้เอียงซ้ายขวาขยับคอ ไหล่บ่า
เพื่อให้ภาพออกมาดูดี ถ่ายเสร็จแล้วก็ไม่ได้หล่อกว่าตัวจริง เซ็นเอกสารอีก 3-4 จุด
เสร็จเรียบร้อยแล้วไม่เกิน 5 นาที
“เรียบร้อยค่ะ เดี๋ยวพี่เดินออกไปจ่ายค่าธรรมเนียม 1 พันบาท และค่าส่งเอกสาร 60 บาท ข้างนอกนะคะ เดินเลี้ยวซ้ายออกไปเลย”
“อ้าวแล้วข้างในที่เขียนนั้นเป็นอะไรคะ”
“อ้อ ถ้าเป็นด้านใน ถ้าจะรับพาสปอร์ตวันนี้ไปเลยแบบเร่งด่วน 3 พันบาท ถ้ามารับพรุ่งนี้ 2 พันบาทคะเป็นแบบเร่งด่วน ของพี่ส่งไปที่บ้านอยู่ด้านนอกนะครับ”
“ขอบคุณมากครับ รวดเร็วจริงๆ”
ผมเดินออกจากห้องไปจ่ายค่าธรรมเนียมและค่าส่งไปรษณีย์อีก 3 นาที รวดเร็วจริงๆ
ออกมานั่งอัดคลิปลงยูทูปอธิบายขั้นตอนในการมาใช้บริการ สุดยอดแห่งการบริการจริงๆครับ
ตอนนี้เวลาเหลืออีกเพียบเลย เพียงจะเที่ยงนิด ๆ ข้าวก็กินอิ่มแล้ว แถมยังไม่อยากกลับที่พัก
ก็นั่งอ่านหนังสือตรงนั้นไปเลยแล้วกัน
ตื่นเช้ามาเปิดอีเมลตามปกติเห็นระบบมาเตือนไปรับทั้งที่ส่งไปรษณีย์ เป็นระบบอัตโนมัติที่เตือน
ยอดเยี่ยมมากสำหรับการบริการ ผมอยากเชิญชวนทุกท่านที่กำลังจะต้องไปทำพาสปอร์ตเดินทางไปต่างประเทศชวนเชิญทดลองใช้แล้วท่านจะทราบถึงบริการของภาครัฐของกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศว่ายอดเยี่ยมในการให้บริการประชาชนอย่างยิ่งครับ
สอบถามเพิ่มเติมผ่าน FB www.facebook.com/passport.in.th
บันทึก ศุกร์ 10 มีนาคม พ.ศ.2560
ชีพธรรม คำวิเศษณ์
