ชีพธรรม คำวิเศษณ์
…..ธุรกิจเป็นโลกของการแข่งขันอยู่ตลอดเวลา แข่งทั้งกับตนเองและทั้งคู่แข่งในธุรกิจเดียวกัน หรือต้องแข่งกับสภาวะเศรษฐกิจที่เปลี่ยนผันอยู่
นักธุรกิจสนามกอล์ฟ ที่ผมเคยทำงานด้วยบอกกับผมว่า “พี่ลืมตาขึ้นมาดอกเบี้ยธนาคารก็วิ่งแล้ววันละ 150,000 บาท” ถ้าสภาพเศรษฐกิจดีก็ดีไป ถ้าหากไม่ดี ลองคิดว่าดอกเบี้ยจะไปขนาดไหน ลองคิดดูว่าภาวะความเครียดที่เกิดขึ้นจะมากมายขนาดไหนที่ต้องต้องเผชิญ ไม่ว่าธุรกิจของคุณจะเป็นธุรกิจใหญ่หรือเล็ก แข็งแรงหรือไม่แข็งแรง สิ่งหนึ่งที่ไม่สามารถหลีกหนีไปได้ก็คือ โลกธรรม 8 ได้ลาภ เสื่อมลาภ ได้ยศ เสื่อมยศ สรรเสริญ สุข ทุกข์ นินทา
สิ่งเหล่านี้มากระทบจิตใจอยู่ตลอดเวลาและอยู่ตราบเท่าธุรกิจและชีวิตจนกว่าจะจากโลกนี้ไป…
ผมจะขอเขียนเล่าถึงการลดความทุกช์ร้อน ความเครียดในโลกธุรกิจโดยการจิตวิปัสสนากรรมฐานโดยไม่ต้องใช้ Apple Watch2 หรือเทคโนโลยีใดๆ เลย แต่สร้างความสุขอันเกิดจากลมหายใจของตนเอง ความทุกข์ของมนุษย์มี 2 อย่างทุกข์กายกับทุกข์ใจ อะไรทุกข์กว่ากันตอบไม่ได้ แต่ทุกข์เหมือนกัน
คนที่เกิดมาบนโลกไม่มีทางหลีกหนีจากสิ่งเหล่านี้ไปได้
การเปิดตัว ไอโฟน7 เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2559 ที่ผ่านมา วันนั้นผมดูการถ่ายทอดสดอยู่ด้วย
สิ่งที่ผมสนใจมากว่าไอโฟน7 ก็คือ นาฬิกา Apple Watch2 ที่กันน้ำได้ 50 เมตร มีระบบวัดการเต้นหัวใจ และ GPS ติดตั้งตั้งมาให้เรียบร้อย แต่สิ่งหนึ่งที่สะดุดใจผมมากที่สุดคือแอพ Breathe ที่ช่วยพักผ่อนจิตใจให้มีสติสมาธิมากขึ้น ด้วยการช่วยเตือนให้มารำลึกถึงลมหายใจ หลังจากที่ได้ชมการเปิดตัวผมรู้สึกทันทีว่า คนไทยโชคดีขนาดไหนที่ได้เรียนรู้เรื่องอานาปานสติ การดูลมหายใจเข้าออก
ซึ่งอยู่ในการทำสมาธิในพระพุทธศาสนาอยู่แล้ว ซึ่งเป็นการช่วยให้เกิดสมาธิและความสุขเมื่อต้องเผชิญความวุ่นวายในชีวิตและโลกธุรกิจ เมื่อ Apple นำเทคโนโลยีการเตือนการทำสมาธิไปใส่ในสมาร์ทโฟน ผมก็ต้องการอยากแนะนำวิธีการปฏิบัติสมาธิกรรมฐานเป็นศาสตร์สร้างความเข้มแข็งทางจิตใจให้ทนต่อความทุกข์ทางใจมานำเสนออ่านกัน
เดือน กันยายน 2559 ที่ผ่านมาผมมีความโชคดีหลายอย่างแบบ งงๆ ทั้งที่ก่อนหน้านี้แทบจะเลิกเชื่อบุญบาป กรรมเวรไปแล้วเพราะต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงหลายอย่างในชีวิต และโลกของเทคโนโลยีวิทยาศาสตร์ซึ่งอยู่ในสายงานอาชีพของผมทำให้ผมเปลี่ยนความคิดไปหลายประการ
แต่สิ่งที่ผมประสบพบมาทำให้ผมได้กลับคืนสู่โลกของการปฏิวัติสมาธิสติปัฏฐาน 4 วิปัสสนากรรมฐาน ว่าบุญกุศลนั้นมีอยู่จริงจะเข้ามาช่วยเมื่อยามคับขันจริงๆ และมีการอธิษฐานร้องขออันเกิดจากตนเอง
หลังจากจบการสอนโซเชียลมีเดียเพื่อการประชาสัมพันธ์กับหน่วยงานต่างๆ ที่ได้เชิญผมไปสอนในเดือนกันยายน ผมมุ่งหน้าตรงไปยัง วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ผมจองตั๋วรถ บขส999 จากหมอชิต ไปลงหน้าวัดพระธาตุศรีจอมทอง อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ซึ่งอยู่ห่างจากทางขึ้นดอยอินทนนท์ประมาณ 1 กิโลกเมตรเพื่อกลับไปกราบขอขมา หลวงปู่ทอง สิริมังคโล อาจารย์ผู้สอนวิปัสสนากรรมฐานตั้งแต่ผมยังเป็นเด็กวัยุร่น และรื้อฟื้นสัญญาเก่าๆ วิปัสสนากรรมฐานเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับจิตใจทนต่อสภาพในโลกธรรม 8
รถทัวร์เดินทางทั้งหมด 12 ชั่วโมง รถออก 3 ทุ่มถึง 9 โมงเช้า รถทัวร์วิ่งผ่าน อยุธยา อ่างทอง ชัยนาท นครพสรรค์ กำแพงเพชร ตาก วิ่งเข้าสู่อำเภอเถิน จ.ลำปาง เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ อ.ลี้ จ.ลำพูน จากนั้นเข้าสู่ อำเภอดอยเต่า ผ่าน อำเภอฮอด และเข้าสู่ อำเภอจอมทอง จ.เชียงใหม่ ในเช้าวันที่ 1 ตุลาคม หลวงปู่ทองได้รับนิมนต์ไปสวดมนต์และเทศน์ในงานวันเกิดคุณลุงธนัตย์ จินดาพร ครูสอนวิปัสสนากรรมฐานภาษาต่างประเทศ วันนั้นมีชาวต่างชาติ ประมาณ 20 คนได้ หลวงปู่ทองเทศน์สอนเรื่องเกี่ยวกับการปฏิบัติธรรมสติปัฏฐาน 4 ผมนั่งถ่ายวีดีโอ และได้ฟังคุณเคท อาจารย์ผู้สอนสมาธิชาวสหรัฐฯที่มารับใช้หลวงปู่ทองกว่า 30 ปีได้ แปลถอดความสิ่งที่หลวงปู่ทองเทศน์สอน ผมได้ฟังแล้วรู้สึกว่า การแปลเป็นภาษาอังกฤษมีความละเอียดลึกซึ้งมาขึ้น
ในการสร้างความสุขทางจิตใจด้วยสมาธิ ผมจึงอยากเรียนรู้ธรรมะการปฏิบัติวิปัสสนาเป็นภาษาอังกฤษมากขึ้นจึงไปหยิบหนังสือ The One Way Path to Nibbana ซึ่งแปลคำสอนจากหลวงปู่ทองเป็นภาษาอังกฤษ
มาเริ่มเรียนรู้ การฝึกจิตให้ลดความเครียดและทนกับความทุกข์ในโลกธุรกิจกันครับ มาเริ่มจากทฤษฏีกันก่อน หลวงปู่ทองสอนเรื่อง สติปัฏฐาน 4 มีองค์ประกอบ กาย, เวทนา , จิต และ ธรรม เขียนเป็นภาษาอังกฤษ ให้เห็นภาพชัดเชน Body, Feeling, Mind , Mind Object
เมื่อเขียนออกมาแล้วเห็นว่า ความรู้สึก Feeling ดีใจเสียใจ เศร้าใจ กับ จิตใจนั้นต่างกัน ส่วนคำว่าธรรม มากว่าความรู้สึกและจิตใจ เป็นเรื่องของสติที่ระลึกรู้กับความรู้สึกและจิตใจที่เกิดขึ้น
มาเริ่มนั่งสมาธิดูลมหายใจกันเลยโดยไม่ต้องใช้ Apple Watch 2 นั่งตรงไหนก็ได้ครับที่ต้องการไม่จำเป็นต้องอยู่ในวัดวาอาราม หรือถ้าไปดื่มสั่งกาแฟสตาร์บัค ดื่มให้หายสดชื่นหายเหนื่อยหายเพลียแล้วก็มาดูลมหายใจกัน ให้หลับตา แล้วดูลมหายใจของเรา ถ้าเราหายใจเข้าท้องของเราจะพอง ให้ภาวนาและเอาความรู้สึกไปอยู่ที่ท้องของเราว่า พองหนอ และ ถ้าลมหายใจออก ให้นึกในใจว่า ยุบหนอ ค่อยๆ ดูลมหายใจเข้าออกไป พองหนอ ยุบหนอ พองหนอ ยุบหนอ ช้าๆ ไม่ต้องรีบ สบายๆ รีแล็กซ์ ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ไม่ต้องคิดถึงอดีต ไม่ต้องคิดถึงอนาคต อยู่กับปัจจุบัน ลมหายใจเข้าออก ท้องที่พองยุบเป็นเรื่องของร่างกาย สิ่งที่เขาไปดูลมหายใจคือสติหรือใจของเรา เมื่อเราค่อยๆ ดูลมหายใจไปก็จะเกิดสมาธิจิตแน่วแน่ๆขึ้น และถ้าหากเกิดการนึกคิดขึ้นมาในสมองแวบเข้ามาด้วยเรื่องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นชีวิตของตนเองครอบครัวหรือธุรกิจ ความคิดจะไม่หยุดคิดไปเรื่อยๆ นะครับ ให้ตั้งสติแล้วกำหนดว่า คิดหนอ คิดหนอ คิดหนอ ไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นการคิดดีหรือคิดร้ายให้คิดหนอ คิดหนอไว้ครับ ถ้าจิตใจเกิดความทุกข์มากขึ้น ให้กำหนดว่า ทุกข์หนอ ทุกข์หนอ ทุกข์หนอ ถ้าหากมีความสุขก็คือกำหนด สุขหนอ สุขหนอ สุขหนอ เมื่อกำหนดสิ่งที่เห็นในอารมณ์ความรู้สึกแล้วก็ให้กลับมาดูลมหายใจของตนเองใหม่ พองหนอ ยุบหนอ พองหนอ ยุบหนอ ถ้าหากพอจิตสงบแล้วก็ยกมือไหว้คารวะ พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ บุคคลที่เคารพ หรือ ศาสนาที่ตนเองนับถือ ไม่ว่าจะเป็นศาสนาไหนก็ทำได้ครับ
นี่เป็นหลักการกว้างๆ ที่ แอป Breath นำไปใส่ไว้ใน Apple Watch2 หรือ ถ้าหากท่านมีครูบาอาจารย์สอนสมาธิแบบใดก็ให้ทำแบบที่ได้ฝึกมาครับ ถ้าหากได้ทำบ่อยๆ แล้วจะทำให้จิตใจเข้มแข็ง
ไม่หวั่นไหว ไม่เศร้าโศก มีภูมิคุ้มกันในการเผชิญความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ในชีวิตและธุรกิจได้
ข้ออ้างถึงความสั่งสอนของพระพุทธเจ้าว่าด้วยกฏไตรลักษณ์ ความจริง 3 ประการที่ต้องเกิดกับชีวิตของทุกคนในโลกไม่ว่าคุณจะเป็นใครเป็นคนที่ย่ิงใหญ่ร่ำรวยมียศฐาบรรดาศักดิ์ หรือเป็นมนุษย์เดินดินกินข้าวแกงธรรมดา สิ่งที่เราต้องต้องคือ อนิจจัง (ความเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา) , ทุกข์ (ความทุกข์คือสิ่งที่ทนได้ยาก เกิดขึ้นกับทุกคน) และ อนัตตตา (ความไม่สามารถบังคับได้) ไม่มีใครสามารถบังคับสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติได้ เพราะฉะนั้นการฝึกจิตเรียนรู้วิปัสสนากรรมฐานก็คือเรียนรู้สิ่งเหล่านี้ที่จะเกิดขึ้นกับชีวิตและฝึกจิตใจให้ทนกับความเปลี่ยนแปลงให้ได้ ถือว่าเป็นมงคลอันสูงสุด
โลกและธรรมะอยู่ในลมหายใจในร่างกายของเรา ที่จะช่วยให้เรามีความสุขทางกายและใจมากขึ้นนอกเหนือจากการไปออกกำลังฟิตเนส
ศาสตราจารย์ ไมเคิล พอตเตอร์ แห่งโรงเรียนบริหารธุรกิจฮาร์วาร์ด ผู้นำเสนอทฤษฏี Five Force Model ให้กับโลกธุรกิจที่องค์กรธุรกิจต้องเผชิญตลอดเวลาซึ่งก็เข้าข่าย ไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ที่เกิดขึ้นเช่นกันได้แก่
1.Threat of new entrants ภัยคุกคามของผู้เข้ามาสู่ธุรกิจใหม่ โลกเดินหน้าไปเรื่อยๆ มีสิ่งใหม่ๆ เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา ดารานักร้องหน้าใหม่ๆ เทคโลโนโลยีใหม่ เครื่องบินราคาถูกเข้ามาแทนรถบัส
2. Threat of substitutes ภัยคุกคามอันเกิดจากสินค้าทดแทน จำได้กันไหมครับว่า มาม่าบอกว่ายอดขายตก แต่บางทีอาจเป็นไปได้ว่าในร้าน 7-11 มีอาหารทานอุ่นหิวแล้วก็ทานได้โดยไม่ต้องกลับไปต้มมาม่า หรือแม้แต่ Line ที่เข้ามาเป็นเครื่องมือสื่อสารแทนทางเสียง โดยทำให้อัตราค่าบริการโทรศัพท์ลดน้อยลงไป
3. Bargaining power of buyers ผู้ซื้อมีอำนาจต่อรองมากขึ้น ไม่ต้องมองไกลเลย การเดินทางด้วยเครื่องบินยุคนี้สมัยก่อนใครเดินทางด้วยเครื่องบินใส่สูทผูกไทด์ เดี๋ยวนี้เป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว มีให้เลือกเดินทางเยอะมาก และที่สำคัญจองตั๋วและซื้อตั๋วได้ใน 7-11
4. Bargaining power of suppliers อำนาจการต่อรองของซัพพลายเออร์ ในธุรกิจท่องเที่ยว ลองดูว่ามีระบบการจองโรงแรมแบบใหม่ๆ เกิดขึ้นอย่าง Airbnb และรายใหม่ๆ ทำให้โรงแรมมีทางหลากจากผู้ให้บริการรายเดิม
5. Industry rivalry การแข่งขันในอุตสาหกรรมเดียวกัน มองไปที่จอทีวีของเรา ทีวีดิจิตอล และทีวีดาวเทียม แข่งขันกันแย่งสายตาของผู้ชม มา ณ วันนี้ รายใหญ่ๆ ที่เคยครองตลาด ปรับเปลี่ยนไปแล้วธุรกิจทีวี ยังเจอโลกโซเชียลมีเดียกระหน่ำเข้าไป แม้แต่นิตยสารบางฉบับที่เคยยิ่งใหญ่ยังต้องปิดตัวไป
ที่เขียนเล่ามาก็อยากให้เห็นถึงโลกธุรกิจที่ผันแปรเปลี่ยนไปอยู่ตลอดเวลา ตราบใดที่เรายังอยู่ในโลกของธุรกิจ ในฐานะที่เรายังอยู่ในโลกยังต้องเผชิญต่อทุกสิ่ง ความเข้มแข็งสมาธิของจิตใจเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง……