ลีโอ-ร็อคเมาเท่น สงครามโซดาระลอกใหม่

ภาวนา อรัญญิก

“สิงห์” ครองตลาดโซดามายาวนานด้วยส่วนแบ่งตลาดกว่า 90% จากมูลค่าตลาด 7,500 ล้านบาท โดย“ช้าง”ตามมาห่างๆทว่าขณะนี้สถานการณ์ในตลาดโซดายังไม่สามารถฝ่าแนวลบไปได้โดยล่าสุดการขยายตัว -7% ซึ่งเป็นทิศทางเดียวกับตลาดสุราสีที่ติดลบมาต่อเนื่องเช่นกัน ทั้งนี้อัตราการบริโภคโซดาคู่กับสุราสีนั้นมีสัดส่วนสูงถึง 90 %ของตลาดโดยรวม

“สิงห์” ครองตลาดโซดามายาวนานด้วยส่วนแบ่งตลาดกว่า 90% จากมูลค่าตลาด 7,500 ล้านบาท โดย“ช้าง”ตามมาห่างๆทว่าขณะนี้สถานการณ์ในตลาดโซดายังไม่สามารถฝ่าแนวลบไปได้โดยล่าสุดการขยายตัว -7% ซึ่งเป็นทิศทางเดียวกับตลาดสุราสีที่ติดลบมาต่อเนื่องเช่นกัน ทั้งนี้อัตราการบริโภคโซดาคู่กับสุราสีนั้นมีสัดส่วนสูงถึง 90 %ของตลาดโดยรวม

จากภาวะที่เป็นอุปสรรคของตลาดโซดา เกมการกระตุ้น (Refresh) ให้ตลาดโซดากลับมามีสีสันอีกครั้ง จึงเกิดขึ้นผ่านการเข้าสู่ตลาดของแบรนด์ใหม่อย่าง “ลีโอ” และ “ร็อคเมาเท่น” ซึ่ง เครือบุญรอดและไทยเบฟเวอเรจ ต่างส่งเข้าชิงตลาดในเวลาไล่เลี่ยกัน

ร็อคเมาเท่น

“ไทยเบฟ” ส่งเข้าชิง

แม้ว่าไทยเบฟเวอเรจ จะเป็นผู้นำในตลาดสุราสี โดยมีผลิตภัณฑ์คลุมในทุกระดับ ทว่ากลับไม่สามารถกุมตลาดโซดาไว้ได้ จากการนำแบรนด์ช้างเข้ามาท้าชิง

การตัดสินใจสู้ในตลาดโซดาอีกครั้งผ่านการสร้างแบรนด์ใหม่ “ร็อกเมาเท่น” ซึ่งตั้งใจพัฒนาให้แตกต่าง ด้วยกระบวนการที่เรียกว่า Cold Infusion ซึ่งลดอุณหภูมิของน้ำลงให้เย็นจัดแล้วจึงใส่ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงไปในน้ำ ทำให้ความซ่าของทำให้ความซ่าถูกล็อกเอาไว้ได้นานกว่าปรกติ

นอกจากนี้ได้โซดา ร็อก เมาเท็น จึงวางจุดขายไว้ที่การเป็นโซดาสำหรับผสมกับสุราโดยไม่ต้องผสมน้ำเปล่าเพิ่มเพราะได้ปรับรสชาติให้ซ่าน้อยลง ไม่บาดลิ้น เมื่อผสมกับเหล้าแล้วรสชาติจะไม่เปลี่ยน

โดยทั้งช้างและ ร็อก เมาเท็น วางขายในราคาเท่ากัน  9 บาท ทว่าภาพลักษณ์จะต่างกันโดยร็อกเมาเท็นจะสะท้อนความเป็นพรีเมียมกว่าช้าง ด้วยแพ็กเกจจิ้ง ที่ทันสมัยใช้ฉลากสีดำทั้งนี้เพื่อเป็นทางเลือกที่ต้องการเข้าไปเจาะกลุ่มวัยรุ่น คนรุ่นใหม่ และร็อก เมาเท็นจะกระจายเข้าสู่ช่องทางที่ขายแบบ Return คืนขวดแทนช้าง  โดยตั้งเป้าที่จะชิงส่วนแบ่งการตลาดในตลาดโซดา 20-30% ภายใน 3-5 ปี

ลีโอ

“บุญรอด บริวเวอรี่”สกัดทางโต

เป็นที่ทราบดีว่า เครือบุญรอด เป็นผู้นำในตลาดเบียร์ ขณะเดียวกันก็กุมตลาดโซดาไว้ได้อย่างเหนียวแน่น และเพื่อสกัดกั้นการเข้าสู่ตลาดของแบรนด์ใหม่ เครือบุญรอดฯ เลือกใช้กลยุทธ์ขยายฐานผลิตภัณฑ์ใหม่โดยแบรนด์เดิมที่แข็งแกร่งอย่าง “ลีโอ” ทั้งยังเป็นการขยายฐานสินค้ากลุ่มเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ครั้งแรกของแบรนด์ลีโอในรอบ 18 ปี

จุดแข็งของแบรนด์ลีโอคือ คาแร็กเตอร์ที่ชัดเจน โดยเบียร์และโซดายังขับเคลื่อนผ่านการเป็นแบรนด์ของความสนุกสนาน  มีความเป็นวัยรุ่น ทันสมัย ซ่า สนุกสนาน และซ่อนความทะเล้นขี้เล่นเอาไว้ เพื่อตอบโจทย์และเจาะกลุ่มเป้าหมายวัยรุ่นหนุ่มสาวอายุ 20 ปีขึ้นไป ที่มีไลฟ์สไตล์รักสนุกสนาน มีชีวิตชีวา มีเสน่ห์ และชอบเข้าสังคม

ขณะที่ความต่างของโซดาลีโอกับสิงห์อยู่ที่การพัฒนาสินค้าให้ตอบรับกับความต้องการตลาดที่ชื่นชอบการดื่มเครื่องดื่มแบบโซดาผสมน้ำ ซึ่งมีสัดส่วนอันดับสอง 36% รองลงมาจากการดื่มเครื่องดื่มผสมโซดาเพียงอย่างเดียว

โดยโซดาลีโอมีจุดขายที่รสชาติกลมกล่อม ให้ความซ่านานขึ้น สามารถใส่เป็นมิกเซอร์ได้โดยไม่ต้องผสมน้ำเพิ่มราคาขายยังอยู่ที่ 9 บาท

ครั้งนี้โซดาลีโอเลือกที่จะเดินเกมกระชับการรับรู้ในตลาดผ่านการใช้พรีเซ็นเตอร์ ซึ่งเลือกนักแสดง “ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์” ซึ่งมีคาแรคเตอร์ที่สอดคล้องกับการวางตำแหน่งของแบรนด์ ทั้งนี้เพื่อให้ต่างจากตำแหน่งของโซดาสิงห์ที่ถูกวางคาแรคเตอร์ให้มีความเป็นผู้ใหญ่ สุขุมนุ่มลึก

การประลองกำลังครั้งใหม่ในตลาดโซดาจะเห็นว่าในส่วนผลิตภัณฑ์ทั้งสองแบรนด์ตอบโจทย์เดียวกัน คือโซดาลดความซ่า เป็นการสร้างความต้องการใหม่ให้กับตลาด โดยวางระดับราคาคงที่

แต่เกมในเรื่องของแบรนด์นั้น ไทยเบฟฯ เลือกที่จะปั้นแบรนด์ใหม่ ขณะที่บุญรอด เดินเกมเดิมคือต่อยอดจากแบรนด์เดิมซึ่งแข็งแกร่ง และมีคาแรคเตอร์ชัดเจน เป็นการสร้างทางเลือกให้กับกลุ่มเป้าหมายใหม่

การขับเคี่ยวของสองแบรนด์ใหม่จะสามารถกระตุ้นให้ตลาดโซดาขยับขึ้นจากแนวลบได้หรือไม่นั้น ต้องอาศัยปัจจัยหลักจากตลาดสุราสีที่ยังจะต้องฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจและกระแสสุขภาพที่ส่งผลให้ผู้บริโภคลดความถี่ในการดื่มลง

อย่างไรก็ตามครั้งนี้น่าจะเป็นเกมที่ทำให้เห็นชั้นเชิงทางการตลาดที่สวนทางอีกครั้งหนึ่งระหว่างผู้นำตลาดสุรา อย่างไทยเบฟเวอเรจ กับ บุญรอด บริวเวอรี่ที่ยังกุมอำนาจในตลาดเบียร์ไว้ในมือ

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ