………..เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า ทางการพม่าประกาศห้ามนำเข้ารถยนต์พวงมาลัยขวา (แบบไทย-ญี่ปุ่น) นับตั้งแต่ปีใหม่ 2017 เป็นต้นไป รถยนต์ที่ดีลเลอร์/ผู้นำเข้ามาขายได้ต้องเป็นรุ่นใหม่ไม่เกิน 2 ปี แต่ก็มีการผ่อนคลายให้ผู้ที่ต้องการนำเข้ารถยนต์เก่ามือสองยังสามารถนำเข้ารุ่นปี 2011-2014 เข้ามาได้เพื่อเปลี่ยนกับรถที่เคยครอบครองอยู่และต้องเป็นรถพวงมาลัยขวาเท่านั้น ซึ่งแปลว่า เขาต้องการให้รถพวงมาลัยขวามาทดแทนรถพวงมาลัยซ้ายที่เป็นรถส่วนใหญ่ 90% ที่วิ่งอยู่บนถนน
ดีแล้ว ที่รัฐบาลถิ่นจอ-ซูจีได้ลงมือทำอะไรกล้าหาญชนิดผ่าตัด แม้จะต้องแลกกับที่มีกลุ่มเสียประโยชน์อยู่บ้าง เพราะถ้าไม่ลงมือแก้อะไรเลย ประเทศนี้ก็จะยิ่งสะสมความผิดเพี้ยนซ้ายสลับขวา-ขวาสลับซ้ายมากขึ้นไปอีก ถ้าไม่ทำตอนประเทศกำลังไต่ทะยานแบบนี้จะไปทำตอนรถยนต์เต็มบ้านเต็มเมืองไปแล้วก็คงไม่ได้อีกแล้ว
พม่าเติบโตด้วยระดับจีดีพีปีละกว่า 10% มาหลายปีแล้ว เมื่อก่อนรถยนต์เป็นอะไรที่เลิศลอยถ้าไม่ใช่เศรษฐีก็ต้องเป็นเรื่องของราชการเขา แต่ 6- 7 ปีมานี้ หลังจากพม่าปฏิรูปและเปิดกว้างทางเศรษฐกิจ จำนวนรถยนต์เพิ่มพรวดเต็มท้องถนน
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าคนย่างกุ้งบ่นเรื่องรถติดชนิดที่เป็นปัญหาดำรงชีวิตสำคัญ สื่อท้องถิ่นก็รายงานเรื่องปัญหาจราจรในย่างกุ้ง เราอยู่เมืองไทยเคยชินกับรถติดในกรุงเทพฯ ได้ยินคนพม่าบ่นเรื่องรถติดที่ย่างกุ้งแอบคิดในใจ มันจะสักเท่าไรว้า…แต่พอเห็นภาพวิดีโอที่สื่อพม่ารายงานแล้วต้องยอมรับว่ามันเป็นปัญหาหนักพอสมควร
นับจากปี 2511 ที่พม่าปฏิรูปการเมืองและการเศรษฐกิจจริงจัง ได้อนุญาตให้เอกชนและปัจเจกชนนำเข้าเข้ารถจากต่างประเทศถึงราว 30,000 ราย ใบอนุญาตให้นำเข้ารถก็คือใบอนุญาตประกอบธุรกิจการค้าในยุคที่น้ำกำลังขึ้น ยิ่งนำเข้ารถก็ยิ่งเยอะ จนปีท้ายๆ ของรัฐบาลทหารก่อนหน้าการเลือกตั้ง ผู้บริหารเมืองย่างกุ้งถึงกับต้องออกกฎใหม่ รถที่จะมาจดทะเบียนใหม่ในย่างกุ้งจะต้องมีที่จอดรถ โดยอ้างว่าเดี๋ยวไปจอดตามซอกซอยถนนหลวง และนั่นก็กลายเป็นช่องทางคอรัปชั่นอีกช่องหนึ่งเพิ่มขึ้นมา เพราะคนที่อยากซื้อรถใหม่แต่ไม่มีที่จอดต้องควักกระเป๋าหาซื้อใบอนุญาตจอดรถเพิ่มขึ้น …จำนวนรถก็ไม่ได้ลดลงจริง
รัฐบาลพลเรือนหลังการเลือกตั้ง เข้ามาบริหารพร้อมกับข่าวการยกเลิกรถพวงมาลัยขวา ข่าวดังกล่าวกระหึ่มในเวลารวดเร็วพร้อมกับความวิตกกังวลกันทั้งประเทศ เพราะรถที่เห็นกันในพม่ามีแต่พวงมาลัยขวา ต่อให้ต้องขับขี่เลนขวาแต่พวกเขาก็เคยชินกับมันมาเช่นนี้ตั้งแต่จำความได้
เดิมประเทศพม่าใช้รถพวงมาลัยขวาและวิ่งเลนซ้ายตามระบบอังกฤษ (แบบเดียวกับไทย) นายพลเนวินสั่งยกเลิกเมื่อ 6 ธันวาคม 1970(2513)ให้เปลี่ยนเป็นวิ่งเลนขวา นัยว่าเชื่อหมอดู บ้างก็ว่าเพื่อล้างธรรมเนียมของเจ้าอาณานิคมอังกฤษ ตอนที่เนวินสั่งเปลี่ยนระบบเลน รถในย่างกุ้งมีไม่มาก ดังเห็นได้จากภาพถ่ายเก่าจากหนังสือพิมพ์ฉบับ 7 ธันวาคม 1970
ในตอนนั้นพม่าปิดประเทศมาได้หลายปีแล้ว นายพลเนวินนำระบบสังคมนิยมเข้มข้นมาใช้ ไม่ข้องเกี่ยวประเทศตะวันตก ดังนั้นการที่ทั้งรัฐบาลหรือพ่อค้าเอกชนจะหาซื้อรถยนต์มาใช้สะดวกที่สุดและราคาพอจ่ายได้ก็คือ การนำเข้ารถยนต์มือสองจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นรถพวงมาลัยขวา (แบบอังกฤษ/ไทย) หลังจากนั้นรถยนต์ที่ถูกสั่งเข้าไปใช้ในพม่าก็ยังเป็นรถพวงมาลัยขวาเรื่อยมา จนกลายเป็นความเคยชิน
คนพม่าชิน แต่คนต่างชาติอย่างเราๆ ไม่ชินด้วย…ไปนั่งรถตู้ รถบัสโดยสารในพม่า คนขับนั่งขวาสุดแต่ขับเลนขวา เท่านั้นยังไม่พอเมื่อรถจอด ประตูรถบัส รถตู้ มักจะอยู่ด้านซ้าย พอก้าวลงไปก็จะเจอรถตามหลังแล่นมาปะทะกับเราได้ตลอดเวลาหากไม่ระวังตัว เมื่อพม่าเปิดประเทศและมองหานักท่องเที่ยวเพิ่มเงินตราต่างประเทศเขาก็เริ่มมองเห็นปัญหาความลักลั่นในจุดนี้มากขึ้นๆ …
การสั่งยกเลิกรถพวงมาลัยขวาในทันทีทันใดทำไม่ได้หรอก มันจะเกิดความโกลาหลใหญ่ทั่วประเทศ ขณะที่หากรัฐบาลจะลงทุนประกาศย้อนกลับไปใช้ระบบเลนซ้ายย้อนหลังไปสมัยเป็นอาณานิคมอังกฤษ ก็เท่ากับว่าต้องลงทุนใหม่ในการติดตั้งระบบจราจร ไฟสัญญาณอีกมหาศาล ไหนจะความเคยชินของผู้ขับขี่อีกต่างหาก อุบัติเหตุมากมายจะเกิดจากงานนี้ ไอ้ความเคยชินนี่สำคัญมากครับ มันแก้ยาก ยกตัวอย่างมอเตอร์ไซด์พม่าจะวิ่งชิดขวา เมื่อชาวพม่าไทใหญ่มาทำงานเมืองไทยมีโอกาสขี่มอเตอร์ไซด์สังเกตดูพวกเขามักจะขี่ชิดเลนขวาสุดกันแบบที่น่ากลัวอันตรายมาก
ดังนั้นการใช้วิธีค่อยๆ เปลี่ยนแบบนี้แหละน่าจะเป็นทางออกที่สุด
แต่กระนั้นก็ตาม ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดที่ไม่มีผู้บาดเจ็บ เสียประโยชน์
กลุ่มวงการที่ออกมาโวยเรื่องนี้กลุ่มแรก ๆ ก็คือผู้นำเข้ารถยนต์มือสอง ซึ่งเป็นเครือข่ายธุรกิจที่ใหญ่มากในพม่า พวกเขาเริ่มได้รับผลกระทบแรกจากนโยบายของเขตย่างกุ้งห้ามขายที่ไม่มีใบอนุญาตจอด แต่นั่นยังพอซิกแซกได้ แต่สำหรับการห้ามนำเข้ารถยนต์มือสองที่ไม่ใช่อยู่ระหว่างปี 2011-2014 และแถมต้องเป็นรถพวงมาลัยซ้ายเท่านั้น นั่นทำให้พวกเขาต้องเปลี่ยนคู่ค้าใหม่ไม่สามารถนำเข้ารถมือสองจากญี่ปุ่นได้อีก
งานนี้รถมือสองจากเกาหลีใต้ และจีน จะเข้ามาครองตลาดพม่าแทนรถเก่าญี่ปุ่น และแน่นอนว่าราคารถยนต์ในตลาดพม่าคงจะต้องพุ่งสูงขึ้นจากระบบที่เปลี่ยนไป
นี่เป็นความจำเป็นที่รัฐบาลถิ่นจอ-ซูจีต้องตัดสินใจลงมือ หลังจากที่รีๆ รอๆ มาร่วมหนึ่งปีหลังจากเข้ารับตำแหน่ง จากนี้ไปเราจะได้เห็นรถพวงมาลัยซ้าย-วิ่งเลนขวา บนท้องถนนของพม่ามากขึ้นๆ ค่อยๆ ทดแทนรถพวงมาลัยขวาไปเรื่อยๆ ก็คงอีกราว 5 ปี 10 ปีโน้นจึงจะเห็นผลชัด
เรื่องระบบจราจรในพม่านี่เป็นอุทาหรณ์สำหรับผู้มีอำนาจ นายพลเนวินเป็นจอมเผด็จการคิดจะเปลี่ยนอะไรตามใจฉัน พม่าเป็นประเทศเปิดมาก่อนก็ปิดซะ เคยมีระบบเศรษฐกิจตลาดก็เอาสังคมนิยมมาใช้ รถเคยวิ่งซ้ายสั่งเปลี่ยนมาเป็นขวาโดยไม่มีระบบอื่นรองรับ ฯลฯ ช่วงเวลาที่เขากุมบังเหียนประเทศราวๆ 26 ปี ทำให้ประเทศจ่อมจมถอยหลังตามใครไม่ทัน นับจากที่เนวินเปลี่ยนระบบจราจรมาจนถึง 2017 เป็นเวลา 50 ปีพอดี ที่รัฐบาลปัจจุบันต้องผ่าตัดเปลี่ยนแปลงระบบให้มันค่อยกลับมาถูกต้องอย่างที่ควรเป็น.