บูรพา-อาคเนย์ ดอกนี้ถึงขั้นล้ม นาจิบ ราซะก์ : บัณรส บัวคลี่

บัณรส บัวคลี่

ตลอดสามสี่ปีหลังมานี้ นายกรัฐมนตรี นาจิบ ราซะก์ (Najib Razak) แห่งมาเลเซียเผชิญปัญหาคลื่นมรสุมการเมืองถาโถมใส่เป็นระลอก ที่หนักหนาจนเป็นข่าวมาถึงบ้านเราก็เมื่อปลายเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว ที่ชาวเสือเหลืองพร้อมใจกันสวมเสื้อเหลืองใช้แคมเปญ Bersih4 ออกมาต่อต้าน

ตลอดสามสี่ปีหลังมานี้ นายกรัฐมนตรี นาจิบ ราซะก์ (Najib Razak) แห่งมาเลเซียเผชิญปัญหาคลื่นมรสุมการเมืองถาโถมใส่เป็นระลอก ที่หนักหนาจนเป็นข่าวมาถึงบ้านเราก็เมื่อปลายเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว ที่ชาวเสือเหลืองพร้อมใจกันสวมเสื้อเหลืองใช้แคมเปญ Bersih4 ออกมาต่อต้านเขามืดฟ้ามัวดิน เต็มท้องถนนในกรุงกัวลาลัมเปอร์ นับเป็นปรากฏการณ์ทางการเมืองของประชาชนครั้งใหญ่อีกครั้งนับจากได้เอกราชจากอังกฤษเลยก็ว่าได้

นอกจากประเด็นการประท้วงแล้ว ประเด็นปัญหาใหญ่ที่ถาโถมใส่ตัวเขาก็ยังมีกรณีข้อกล่าวหาทุจริตคอรัปชั่น ยักยอกเงินของบริษัทลงทุนเพื่อความมั่งคั่งของรัฐบาลMDB เข้าบัญชีตัวเอง เรื่องอื้อฉาวนี้เป็นข่าวใหญ่ไปทั่วโลก ลากเอาวงศ์วานว่านเครือมาเป็นจำเลยร่วมให้สังคมจับตา เรื่องนี้สะเทือนมากถึงขั้นมีการแตกหักกันภายในรัฐบาลจนต้องปลดรองนายกรัฐมนตรีร่วมพรรคที่ (บังอาจ) ทักท้วงออก ไหนจะฝ่ายค้านเดิมก็คือ อันวาร์ อิบรอฮีม ที่คอยกระทุ้ง ยังมีอดีตนายกรัฐมนตรีผู้ยิ่งใหญ่อดีตเจ้านายร่วมรัฐบาลก็คือ มหาเธร์ โมฮัมหมัด ที่ลงถนนออกมาต่อต้านตัวเขาอีกคน

การเมืองของมาเลเซียช่วงปลายปีที่แล้วร้อนแรงมาก เกิดมีขบวนคนเสื้อแดงออกมาบนท้องถนนเพื่อสนับสนุนรัฐบาล และลักษณะการต่อต้านฝ่ายเสื้อเหลืองก็เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ธรรมดา นั่นเพราะฝ่ายเสื้อแดงชูแคมเปญชาตินิยมขวาจัด มุ่งโจมตีเสื้อเหลืองซึ่งส่วนใหญ่เป็นชนชั้นกลางว่าเป็นพวกเชื้อสายจีน ทำโปสเตอร์สัญลักษณ์ปลุกให้คนเชื้อสายมาเลย์หรือภูมิบุตราไล่ฆ่าอีกฝ่าย ปลุกความเกลียดชังที่เป็นรากเหง้าความขัดแย้งดั้งเดิมตั้งแต่ครั้งก่อตั้งประเทศใหม่ๆ ขึ้นมาอีก – ดีที่ประเด็นนี้ไม่ลุกลามเพราะฝ่ายรัฐบาลที่ยังพอมีสติคงเห็นว่าถ้าจะปลุกเรื่องนี้ขึ้นมาประเทศคงร้าวลึกลงไปอีก แต่ที่สุด นาจิบ ราซะก์ ก็ยังประคับประคองรัฐนาวาอัมโนผ่านปี 2015 มาได้

 พอขึ้นปีใหม่มา ได้ก็เกิดมีข่าวดีให้กองเชียร์รัฐบาลได้ใจชื้นมาหน่อย เมื่ออัยการสูงสุดของมาเลเซียแถลงว่าได้ตรวจสอบแล้วข่าวอื้อฉาวเรื่องเงินในบัญชีส่วนตัวของนาจิบ ราซะก์นั้น ที่แท้ไม่ใช่การคอรัปชั่น ยักยอก หรือทุจริตใดๆ  จากกองทุน 1MDB ตามที่สังคมเคยกล่าวหา ที่แท้เป็นเงินบริจาคจากราชวงศ์ซาอุดิอาระเบียมูลค่า 680 ล้านดอลลาร์ แล้วต่อมานาจิบก็ได้คืนเงินที่เหลือซึ่งยังไม่ได้ใช้กลับคืนไปเรียบร้อยแล้ว

 การออกโรงของอัยการสูงสุดเสือเหลืองครั้งนี้เหมือนจะยุติเรื่องราวอื้อฉาวที่สุดของมาเลเซียเรื่องนี้ได้เสียที และแน่นอนว่ามันจะสร้างความโล่งอกให้กับผู้สนับสนุนรัฐบาลอย่างยิ่ง เพราะนี่จะทำให้ฝ่ายคัดค้านหมดประเด็นเล่นในที่สุด ขณะที่นาจิบ ราซะก์จะได้กู้ภาพลักษณ์ที่มัวหมองกลับคืนมา แต่ก็เกิดสิ่งที่ไม่คาดฝันขึ้น เป็นข่าวร้ายที่ตามไล่หลังข่าวดีเพียงสองวันเท่านั้น !!!

 อัยการของประเทศสวิสได้แถลงเป็นข่าวผ่านสำนักข่าวใหญ่ระดับโลกพร้อมกันในทันทีว่ามีการทุจริตขโมยเงินจากกองทุน 1MDB ของรัฐบาลมาเลเซียมูลค่าราว 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยคนในก็คือเจ้าหน้าของที่กองทุนเองร่วมมือกับ “คนนอก” อีกจำนวนหนึ่ง มีการกระทำผิดอย่างน้อย 4 ครั้งเกิดขึ้นระหว่างปี 2009-2013 ไม่เพียงเท่านั้นยังพบว่าเงินที่ยักยอกไปนั้นถูกฝากเข้าบัญชีเจ้าหน้าที่รัฐบาลมาเลเซียทั้งในอดีตและปัจจุบัน และขณะนี้ทางการสวิสได้ประสานไปยังรัฐบาลมาเลเซียเพื่อทราบข้อมูลนี้แล้ว

 เอาล่ะสิครับ! ซวยรับปีใหม่แล้ว

 ถูกหวยสวิสถ้วนหน้าตั้งแต่นาจิบ ราซะก์ ไปจนถึงเจ้าหน้าที่มาเลเซียทั้งที่มีตำแหน่งในอดีตและปัจจุบันซึ่งถูกอายัดบัญชีในสวิสไปแล้วอีกต่างหาก

ผลพวงจากเรื่องนี้แนวโน้มไม่ธรรมดาเลยขอรับ มันใหญ่มาก เผลอๆ ไม่ใช่แค่ระดับเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีหรอก หากโรคซ้ำกรรมซัดเผลอๆ ถึงขั้นทำสถิติใหม่เกิดมีพรรคการเมืองอื่นที่ไม่ใช่อัมโนขึ้นมาบริหารประเทศเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การเมืองเสือเหลืองนับแต่ได้เอกราชมาด้วยซ้ำไป  ซึ่งมันก็มีความเป็นไปได้สูงมากด้วยสิ !

อัมโนนั้นเป็นพรรคแนวร่วมแห่งชาติที่ครองอำนาจผูกขาดมาเลเซียตั้งแต่ได้รับเอกราช พ.ศ. 2500 จนบัดนี้ก็เกือบ 60 ปี ยาวนานมากจนสมาชิกแต่ละคนคงนึกภาพไม่ออกว่าถ้าหากอัมโนไม่ได้เป็นรัฐบาลแล้วจะอยู่กันอย่างไร

แต่ภายใต้ความเข้มแข็งมันก็มีร่องรอยของความเสื่อมทรุดให้เห็น เพราะที่ผ่านมาการช่วงชิงทางการเมืองที่เข้มข้น ขนาดเล่นกันแรงๆ เอาถึงคุกเสียอนาคตกันไปนี่ล้วนแต่เป็นการเมืองภายในอัมโนด้วยกันแทบทั้งนั้น ผู้นำฝ่ายค้านคนสำคัญที่คาดว่าจะเป็นคู่แข่งสำคัญของนาจิบ ราซะก์ และพรรคอัมโนในการเลือกตั้งครั้งหน้า อันวาร์ อิบรอฮิม นั้นเป็นลูกหม้ออัมโน เคยผงาดถึงขั้นเป็นเบอร์สองต่อจากมหาเธร์ โมฮัมหมัด แต่ก็นั่นแล…อะไรที่ขึ้นไว ถ้าแหลมมากไป หรือแสดงท่าทีเป็นตัวของตัวเองขัดแย้งกับเบอร์หนึ่งก็อยู่ยาก ที่สุดอันวาร์ก็ถูกพิษของลูกพี่ท่านผู้นำโค่นลงแบบเจ็บแสบที่สุด ขนาดต้องเข้าคุก ถูกข้อหาตุ๋ยคนเพศเดียวกัน กว่าจะกลับคืนมาถึงจุดนี้ได้ถือว่ายอดแล้ว และหากจะวัดกันจริงๆ การเมืองมาเลย์เล่นกันแรงมากกว่าไทยหลายเท่า

 พรรคผูกขาดอัมโนนั้นหนีสัจธรรมอำนาจไม่พ้น เพราะเมื่อหมดยุคมหาเธร์ ก็เริ่มต่ำลงๆ ในท่ามกลางความตกต่ำที่ว่าบรรดาขั้วของผู้ยิ่งใหญ่นายกฯและอดีตนายกฯ ต่างก็พยายามแย่งชิงอำนาจกันทั้งขั้วของ มหาเธร์ ที่เขาว่ากันว่าอยากจะส่งลูกชาย มุกคริช มหาเธร์ ขึ้นนำพรรคแทนตัว ส่วนขั้วของอดีตนายกฯ บัดดาวี ก็มีลูกเขย ไครี จามารุดดิน เป็นแกนนำคนรุ่นใหม่ ขณะที่ขั้วปัจจุบันของ นาจิบ ราซะก์ ซึ่งไม่เบาหรอกนะครับ กลุ่มการเมืองตระกูลราซะก์ไม่ธรรมดาดอกนะครับ นี่เป็นตระกูลผู้นำของมาเลเซียมาแต่เดิม ในบรรดาผู้นำอัมโนตั้งแต่แรกจนถึงปัจจุบัน 6 คน (ตนกู อัลดุล เราะห์มาน, ตนกู อับดุล ราซะก์, ดะโต๊ะฮุสเซน อน, ดร.มหาเธร์ โมฮัมหมัด, อับดุลเลาะห์ บาดาวี และ นาจิบ ราซัค) เป็นคนจากขั้วตระกูลราซะก์ถึง 3 คน- ครึ่งหนึ่งของผู้นำทั้งหมดทีเดียว อับดุลราซะก์ นายกคนที่สองเป็นพ่อ ส่วนฮุสเซน อนเป็นลุง แล้วก็สืบเชื้อสายผู้ดีชนชั้นนำมาเลย์มาตั้งแต่ยุคปู่ย่าบรรพบุรุษ เป็นกลุ่มที่ก่อตั้งพรรคหลักที่เป็นร่มให้กับอัมโนคือพรรคแนวร่วมแห่งชาติ BN-Barisan National มาด้วยซ้ำไป ดังนั้นการจะโค่นล้มขั้วการเมืองขั้วนี้แย่งชิงการนำภายในพรรครัฐบาลเองก็ไม่ได้ง่าย

แม้ความดุเดือดของการเมืองมาเลเซียในช่วงที่ผ่านๆ มาเป็นการเมืองที่ต่อสู้ช่วงชิงกันภายใน ซึ่งก็จะมียุคหลังๆ นี่แหละที่การเมืองระหว่างพรรค/คู่แข่งภายนอกจะเริ่มเป็นอุปสรรคเพิ่มขึ้นมา มาเลย์มีการเลือกตั้งมาแล้ว 13 ครั้ง ถ้าไม่มียุบสภาก่อนกำหนดจะมีการเลือกตั้งใหญ่ครั้งที่ 14 หรือ GE14 ในปี 2018 ปรากฏว่าการเลือกตั้งสองครั้งหลัง คือเมื่อปี 2009 (2552) กับปี 2013 (2556) อัมโนถดถอยลงมาโดยลำดับ กล่าวคือได้ที่นั่ง 135 และ 133 ที่นั่ง ซึ่งเป็นสัดส่วนต่ำกว่า 2 ใน 3 เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์อีกต่างหาก

คือถ้ายังปล่อยให้ผู้นำ-นาจิบ ราซะก์เผชิญมรสุมแบบที่เป็นอยู่ ข้อกล่าวหาชนักล่าสุดยากสลัดออกได้แล้ว ขนาดอัยการของสวิสออกโรงแถลงพร้อมกับสำแดงหลักฐานการทุจริตเงินระดับ 4 พันล้านเหรียญหรือเท่ากับ 1.4 แสนล้านบาทมันมหาศาลเลยนะครับนั่น  แถมขบวนการเสื้อเหลือง Bersih ซึ่งออกมามืดฟ้ามัวดินเมื่อไหร่ก็ได้ค้ำคออยู่อีก แม้ว่าการเลือกตั้งใหญ่จะมีขึ้นอีกในอีกสองปีข้างหน้า แต่หากปล่อยให้ท่านผู้นำนาจิบเผชิญเรื่องราวรุงรังมรสุมลูกใหญ่ขนาดนี้ต่อไปเรื่อยๆ รังแต่จะฉุดลากคะแนนนิยมลงมาเรื่อยๆ

ของเดิมมีที่นั่งไม่ถึงสองในสาม  แต่ก็ไม่แน่นะ…ในอีกสองปีข้างหน้าคะแนนนิยมอัมโนและพรรครัฐบาล Barisan National จะเหลือเกินครึ่งไปสักกี่มากน้อย

บอกไปแล้วว่าการเมืองภายในของมาเลเซียเขาแข่งกันดุ ยิ่งภายในพรรครัฐบาลเองก็ยิ่งดุเดือด เมื่อปีกลายเราได้เห็นหนังตัวอย่าง เสื้อเหลือง-เสื้อแดง ของมาเลเซียออกมาเป็นหนังตัวอย่าง เห็นความพยายามปลุกเร้ากลุ่มหัวรุนแรงคลั่งเชื้อชาติขวาจัดขึ้นมา แล้วก็เห็นอดีตนายกฯร่วมพรรคผสมโรงร่วมกับขบวนเสื้อเหลืองฟาดฟันนายกฯรุ่นน้องอย่างเอาเป็นเอาตายกะให้หล่นเก้าอี้ ฯลฯ

ยิ่งนาจิบ ราซะก์มาเจอหอกโมกขศักดิ์ดอกใหญ่จากทางการสวิสแบบนี้ด้วย ปีนี้ส่อว่าเป็นปีที่การเมืองมาเลเซียจะดุเดือดเลือดพล่านยิ่งกว่าปีที่แล้วอย่างแน่นอน

เผลอๆ พิษของข้อกล่าวหาใหญ่ดอกนี้ เป็นเคราะห์กรรมซ้ำซัดวิบัติเป็นผสมโรงกับกระแสต่อต้านเดิมที่ดำรงอยู่ อาจจะถึงขั้นล้มนาจิบ ราซะก์ จากตำแหน่งก่อนจะหมดวาระด้วยซ้ำไป!

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ