บูรพา-อาคเนย์ : เทียบกึ๋นจีน-ญี่ปุ่น ในกระแสบูรพาภิวัตน์ : บัณรส บัวคลี่

บัณรส บัวคลี่

โลกกำลังเคลื่อนสู่กระแสบูรพาภิวัตน์อันหมายถึงความเจริญรุ่งเรือง เศรษฐกิจการค้าและความก้าวหน้าด้านต่างๆ ที่มีศูนย์กลางจากซีกโลกตะวันออกชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ การขยับของจีน มหาอำนาจแดนมังกรไปตามหนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง One Belt, One Road และเส้นทางสายไหมยุคใหม่ทั้งตอนบนเชื่อมยูเรเซียไปถึงยุโรป กับตอนล่างทางทะเลไปจรดแอฟริกาตะวันออก ไม่ได้มีแค่เส้นทางคมนาคมเชื่อมโยงไปถึงเท่านั้น หากยังเป็นพื้นที่ลงทุนทางเศรษฐกิจและบริการด้วยเม็ดเงินมหาศาล ก่อเกิดกิจกรรมใหม่ ความคึกคักเติบโตต่อเชื่อมกันโดยมีทุนของจีนหล่อเลี้ยง

 บัณรส บัวคลี่

 

โลกกำลังเคลื่อนสู่กระแสบูรพาภิวัตน์อันหมายถึงความเจริญรุ่งเรือง เศรษฐกิจการค้าและความก้าวหน้าด้านต่างๆ ที่มีศูนย์กลางจากซีกโลกตะวันออกชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ การขยับของจีน มหาอำนาจแดนมังกรไปตามหนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง One Belt, One Road และเส้นทางสายไหมยุคใหม่ทั้งตอนบนเชื่อมยูเรเซียไปถึงยุโรป กับตอนล่างทางทะเลไปจรดแอฟริกาตะวันออก ไม่ได้มีแค่เส้นทางคมนาคมเชื่อมโยงไปถึงเท่านั้น หากยังเป็นพื้นที่ลงทุนทางเศรษฐกิจและบริการด้วยเม็ดเงินมหาศาล ก่อเกิดกิจกรรมใหม่ ความคึกคักเติบโตต่อเชื่อมกันโดยมีทุนของจีนหล่อเลี้ยง

จีนกำลังจะผงาดขึ้นเป็นมหาอำนาจแถวหน้าสุดของโลกเทียบชั้นอเมริกา เศรษฐกิจจีนจะใหญ่ที่สุดในโลกแซงญี่ปุ่นที่เคยเป็นยักษ์ใหญ่ที่สุดของเอเซีย

เพราะไม่ใช่แค่การส่งออกทุนและ  ยุทธศาสตร์และแผนการพัฒนาของจีน Made in China 2025 ประกาศไว้ชัดเจนว่าจะต้องก้าวเป็นมหาอำนาจแห่งอุตสาหกรรมการผลิตทันสมัยของโลก ที่จะยกระดับอุตสาหกรรมรับจ้างผลิตที่ใหญ่ที่สุดในโลกให้ขึ้นมาเป็นเบอร์ 1 แทนที่เยอรมัน ญี่ปุ่นที่เคยยืนอยู่ตำแหน่งนี้ในปลายศตวรรษ 21

จีนตั้งเป้าอะไรไว้แล้วทำจริง ภายใต้แผน Made in China 2025 จะมีการยกระดับสร้างแบรนด์สินค้าของตนเองให้เป็นแบรนด์ระดับโลก มีเทคโนโลยีและนวัตกรรมสูง รวมถึงมีกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมซึ่งเป็นเงื่อนไขระดับเดียวกับโลกตะวันตก จีนได้ยกเลิกแผนการสร้างโรงไฟฟ้าพลังถ่านหิน ทำอะไรหลายอย่างที่ส่งสัญญาณว่าจีนมุ่งมั่นในเรื่องสีเขียว พร้อมๆ กันก็เร่งพัฒนาเทคโนโลยี ตัวอย่างชัดๆ คือแบรนด์ Hauwei ผงาดขึ้น สามารถกับสู้สุดยอดแบรนด์ Apple กับ Samsung ได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจในหลายประเทศ

การก้าวรุกที่แรงและเร็วของจีนเบียดบังรัศมีมหาอำนาจเอเชียเก่าอย่างญี่ปุ่นลงไป ยุทธศาสตร์การรุกของจีนเป็นการรุกไปพลางจัดระเบียบโลกในต้นศตวรรษที่ 21 ไปพลางด้วยซ้ำไป ญี่ปุ่นนั้นแม้จะถูกมหาอำนาจใหม่บดบังรัศมีไปเยอะแต่ก็ไม่ได้หายไปไหนหรอก เพราะญี่ปุ่นเองก็มีการขยับก้าวรับศตวรรษที่ 21 อย่างน่าสนใจไม่แพ้กัน

เอายุทธศาสตร์-ยุทธวิธีระหว่างจีน กับ ญี่ปุ่นมาเปรียบเทียบกัน จะเห็นความแตกต่างระหว่างมังกรกับซามูไร

จีนเน้นความแข็ง ความใหญ่ ขนาดของทุน ขนาดของคน พื้นที่เชื่อมโยงที่ทอดไปครึ่งโลก

หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง ก็คือขนาดของทุน คน และกิจกรรมที่ส่งออกไปเชื่อมสัมพันธ์กับประเทศต่างๆ อันหายถึงขนาดของตลาดและบริการที่ใหญ่ขึ้นโตขึ้น จีนส่งออกทั้งทุนทั้งเทคโนโลยีไปรับเหมาก่อสร้างวางระบบ เน้นที่การบริการและสาธารณูปโภค  ส่วนภายในประเทศเร่งยกระดับอุตสาหกรรมการผลิตภายใต้ยุทธศาสตร์ Made in China 2025

อาจเปรียบได้กับกระบวนท่าต่อสู้ที่เน้นแข็งแกร่ง ใหญ่โต ดุดัน และรวดเร็ว

ต่างจากยุทธศาสตร์พัฒนาของญี่ปุ่นที่ย้อนกลับมาเน้นความละเมียดละไม ปรัชญา อารมณ์ และทักษะของทรัพยากรมนุษย์

ถ้าจีนเป็นเพลงง้าวของกวนอู กระบวนท่าของญี่ปุ่นก็ควรจะเป็นยูโด ที่ใช้อ่อนทำลายแข็ง

จีนเน้นทุน โครงการ โครงสร้างและกิจกรรม ส่วนญี่ปุ่นเน้นที่ต้นทุนคนและภูมิปัญญาเดิม แตกต่างกันชัดเจน ราวกับฝ่ายหนึ่งเป็นหยินอีกฝ่ายเป็นหยาง

ที่สำคัญก็คือมันน่าตื่นตาตื่นใจทั้งคู่ด้วยสิ !

นโยบายการพัฒนาต้นศตวรรษของญี่ปุ่นนั้นได้เดินตามยุทธศาสตร์ Cool Japan มานานพอสมควรแล้ว โดยที่ได้กลับมาพัฒนาภาคบริการที่เคยเป็นอุตสาหกรรมรองของญี่ปุ่นมายาวนานให้ผงาดเป็นเครื่องจักรขับเคลื่อนประเทศตัวใหม่ ประกอบด้วยกิจกรรม 5 กลุ่มก็คือ การ์ตูนมังงะ อาหาร บริการส่งสินค้า-พัสดุถึงบ้าน โรงแรมที่พักแบบเรียวกัง และศิลปะหัตถกรรมแบบญี่ปุ่น

Anime/Manga , Food, Delivery Service, Traditional Hotel (Ryokan), Traditional Art and Craft

สิ่งที่กล่าวมาเป็นสัญลักษณ์/อัตลักษณ์ของญี่ปุ่นโดยแท้ที่ไม่มีใครสามารถเลียนแบบ ทั้งยังเป็นต้นทุนทางวัฒนธรรมที่สามารถนำมาต่อยอดขยายเป็นรายได้ทางเศรษฐกิจ-บริการอย่างไม่รู้จบ นายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่นจึงต้องแต่งตัวเป็นมาริโอ้ในพิธีปิดโอลิมปิคก็เพื่อโปรโมทกิจกรรมด้านนี้ของเขา

ผมเคยเขียนเรื่องราวและแนวทางการพัฒนาตามแนวทางใหม่ที่ญี่ปุ่นกำลังดำเนินการไปหลายตอนแล้ว อย่างเช่นการท่องเที่ยวที่เปิดประเทศอย่างที่ไม่ทำมาก่อน  ยอมให้ทัวร์คนไทย คนจีน ไต้หวัน อาเซียน พาเหรดเข้าไปทำลายวิถีปกติในบางจุดบางพื้นที่เพื่อปรับโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ แม้กระทั่งธรรมเนียมที่เคยปฏิบัติอาทิ ห้ามคนมีรอยสักเข้าเรียวกัง ห้องน้ำสาธารณะยังยอมผ่อนคลายให้กับการท่องเที่ยวเลย เพราะญี่ปุ่นหวังจะดันยอดนักท่องเที่ยวเป็น 20 ล้านคนในอีก 3 ปีให้ได้

อ่านเรื่องอื่นๆ 

คลิกอ่าน – บูรพา-อาคเนย์ ญี่ปุ่นก่อนโอลิมปิก 2020

คลิกอ่าน – บูรพา-อาคเนย์ เมื่อญี่ปุ่น(จำใจ)อนุญาตคนสักร่างกายลงออนเซน

คลิกอ่าน – บูรพา-อาคเนย์ : ทะคิวบิง เจ้าแมวดำขนส่งจากญี่ปุ่นบุกอาเซียน 

ภาคอุตสาหกรรม ส่งออกสินค้าเครื่องจักร รถยนต์ เทคโนโลยีของญี่ปุ่นก็ยังคงอยู่เป็นเครื่องจักรตัวเดิมที่ปรับเปลี่ยนไปตามสภาพตลาด แต่ภาคบริการอันต่อยอดมาจากต้นทุนภูมิปัญญาและทรัพยากรบุคคลนี่สิ จะเป็นอะไรที่จะสร้างความฮือฮาต่อแวดวงธุรกิจเศรษฐกิจใหม่

การบริการขนส่งพัสดุย่อยถึงบ้านเป็นหนึ่งใน Cool Japan ที่ญี่ปุ่นกำลังขยายปีกในบ้านเรา เจ้าแมวดำทะคิวบิง ร่วมทุนกับ SCG ก่อตั้ง SCG Express เป็นสาขานำร่องสาขาแรกไปแล้วเมื่อต้นปี 2560 นี้เอง จากนี้ไม่นานปูนใหญ่กับแมวดำ คงประกาศเปิดตัวอย่างเป็นทางการแสดงอานุภาพว่าการขนส่งถึงมือแบบญี่ปุ่นนั้นแตกต่างจากแบบอื่นอย่างไร ซึ่งนี่ก็เป็นอะไรที่น่าสนใจมากเพราะในเมืองไทยเราเองก็เริ่มมีผู้ให้บริการขนส่งพัสดุย่อยถึงบ้านแข่งกับไปรษณีย์ไทยหลายราย รองรับธุรกิจค้าปลีกเดลิเวอรี่ Lazada และอื่นๆ  เขาร่ำลือกันว่าต่อไปเจ้าแมวดำ ทะคิวบิงสามารถจัดส่งสินค้าสดจากทะเลญี่ปุ่นข้ามทะเลมาถึงมือผู้สั่งซื้อในประเทศไทยภายในไม่เกิน 3 วัน ในสภาพสดใหม่แช่แข็งอย่างประณีตพิถีพิถัน เอาแค่นี้ไปรษณีย์ไทยที่ถูกเพ่งเล็งเรื่องกล่องบุบของหายคงจะหนาวๆ ร้อนๆ อยู่ไม่น้อย

สังคมไทยเราจะได้เห็นและสัมผัสกับยุทธศาสตร์การก้าวเดินของมหาอำนาจแห่งเอเชียทั้งสองแบบได้ในไม่ช้า เพราะจีนกำลังรุกลงมาอย่างรวดเร็ว ข่าวล่าสุดแจ๊ค หม่ากำลังหาที่ตั้งแวร์เฮ้าส์ขนาดยักษ์แถวๆ วงแหวนอุตสาหกรรมตะวันออก EEC ที่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ทุ่มเงินมหาศาลยกระดับให้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษใหม่รับบูรพาภิวัตน์ ซึ่งที่นั่นจะมีรถไฟจากจีนผ่านลาวเชื่อมลงมาถึง และจะกลายเป็นศูนย์กระจายสินค้าและขนส่งโลจิสติกส์เชื่อมไปยังอาเซียนต่อไป

                เห็นตัวอย่างยักษ์ใหญ่ที่กำลังเคลื่อนมาแล้วย้อนมองตัวเอง พอได้เห็นว่าเรายืนตรงไหน จะไปทางไหน (หรือยังไม่ไปไหน) ได้ชัดขึ้นมาบ้าง..

 

 

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ