ฝึกคิดแบบ “Business Model Innovation” : ชีพธรรม คำวิเศษณ์

ชีพธรรม คำวิเศษณ์

ถ้าคุณจะทำอสังหาริมทรัพย์ สร้างตึกขึ้นมาสักตึกให้คนอยู่อาศัย คุณจะทำเป็นหอพักหรือจะทำเป็นโรงแรม ตรงนี้แหละครับคือโมเดล ที่คุณจะให้บริการและทำเงิน โลกยุคใหม่ยุคโซเชียลบิสซิเนส แชร์ริ่งอีโคโนมี

ชีพธรรม คำวิเศษณ์

โมเดลธุรกิจเป็นเรื่องสำคัญมาก อาจเป็นจุดเป็นจุดตายสำหรับธุรกิจตั้งแต่ตั้งไข่เกิดวันแรก ซึ่งถ้าวางโมเดลผิดก็อาจผิดพลาดได้เลย

โมเดลธุรกิจคืออะไร แปลเป็นไทยคือ รูปแบบในการทำธุรกิจ ผมพยายามจะอธิบายง่ายๆ เช่น

ถ้าคุณจะทำอสังหาริมทรัพย์ สร้างตึกขึ้นมาสักตึกให้คนอยู่อาศัย คุณจะทำเป็นหอพักหรือจะทำเป็นโรงแรม ตรงนี้แหละครับคือโมเดล ที่คุณจะให้บริการและทำเงิน โลกยุคใหม่ยุคโซเชียลบิสซิเนส แชร์ริ่งอีโคโนมี

มีโมเดลธุรกิจ ให้เราได้เห็นกันในโลกและขยายมาในเมืองไทย ขย่มธุรกิจให้เก่าให้สั่นสะเทือน

เช่นแอพ Grab บริการเรียกซี่ผ่านสมาร์ทโฟน ถล่มศูนย์วิทยุแท็กซี่ไปโดยปริยาย แบบไม่ได้ไปทำอะไรเขาเลยแค่เปิดบริการขึ้นมา , Airbnb เว็บไซค์บริการให้เจ้าของห้องพักที่มีห้องว่างไปปล่อยให้คนเช่าเป็นโรงแรม เชื่อหรือไม่ครับว่า โรงแรมใน จ.ภูเก็ต สั่นสะเทือนไปเหมือนกัน เพราะห้องว่างธรรมดากลายเป็นโรงแรมไปโดยปริยาย แถมลูกค้านิยมด้วยเพราะได้บรรยากาศที่โรงแรมไม่มี ธุรกิจการบิน Lowcost เล่นเอาขาเก่า

อย่างการบินไทย และธุรกิจรถทัวร์กรุงเทพฯกับต่างจังหวัดที่มีสนามบินแทบวายปราณเพราะราคาถูกพอๆ กัน

ผมสนใจเรื่อง business model ถึงจะไม่ได้เป็นเทพมาก แต่ผมชอบศึกษาและคิดไปครับ

ผมอยากจะแนะนำหนังสือ 2 เล่ม ที่เกี่ยวกับ Business Model และ Business Model You

สองเล่มนี้ คนเขียนเป็นอาจารย์สอนธุรกิจจากฝั่งยุโรป เขาปรับรูปแบบช่องทางเป็น แคนวัส เป็นช่องๆ ให้ผู้อ่านฝึกคิด มีแปลเป็นภาษาไทยหาซื้อได้ทั่วไปตามร้านหนังสือชั้นนำ เขียนได้ดีมาก ๆ ผมมีโอกาสได้อ่านเป็นภาษาอังกฤษตั้งแต่เมื่อ 5 ปีที่แล้ว หยิบมาอ่านคราวใดก็ยังทันสมัยอยู่ครับ

Business Model ขึ้นอยู่กับแต่ละท้องถิ่นแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน ค่อยๆ พัฒนา

เช่น Netflix หนังออนดีมานต์ในสหรัฐ เมืองไทยคล้ายกับทรู

ตอนนี้โมเดลหนังบนแอพแนวรบดุเดือดมาก 199 บาทต่อเดือน ดูหนังเป็นพันๆ เรื่องบนสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต สู้กันเดือดเลือดสาด มีผู้เล่น Hollywood HD, Pritimetime , Netflix , Iflix , Hooq ใครมีไอเดียจะกระโดเข้ามาเล่นต้องเงินหนากว่ารายกว่า และหนังต้องดีกว่าเรียกว่าต้องดีกว่าทุกอย่าง

ถ้าเอาสองคำมาบวกรวมกัน Business Model + Innovation (นวัตกรรม) ถ้าธุรกิจได้2 อย่างนี้บวกกันแล้ว ธุรกิจสินค้าและบริการจะยิ่งกว่าติดปีก คู่แข่งที่ไม่มีรูปแบบนี้ในบริษัทหรือองค์กรวายปราณหมด สิ่งเหล่านี้ประยุกต์ใช้กับภาคราชการด้วยก็ได้

บางโมเดล ยักษ์ใหญ่ที่ว่าคุณเก่งแล้วจะเข้ามาสู้ยังไม่ได้เลยนะครับ เพราะ Business Model ไปกึ่งลอกเลียนแบบ เช่น Google อยากทำโซเชียลเน็ตเวริ์คบ้าง สร้างและส่ง Google+ มาอัดกับ Facebook ก็ยังสู้ไม่ได้ แม้จะติดตั้งมาในเครื่องสมาร์ทโฟนแอนดรอยก็ยังสู้ไม่ได้

IOS10 ที่แอปเปิ้ลส่งระบบปฏิบัติการมาให้คนอัพเดทผู้ใช้ไอโฟนจากทั่วโลก ปรับปรุงระบบ Message ส่งข้อความใหม่ จะมาอัดกับ Facebook Message ซึ่งผมก็เชื่อว่าจะปรับให้คนมาใช้ มากขึ้นนั้น คนใช้ FB ข้อความ มีกว่า 1 พันล้านคนทั่วโลก

และล่าสุด ระบบ Photo ที่แอปเปิ้ลบอกว่าจะยอดเยี่ยมขึ้น ผมเห็นในการเปิดตัวแล้วรู้โดยทันทีว่าจะมาอัดกับ แอพ Google Photo ซึ่งแอพทำได้ดีมากมี AI ปัญญาอัจฉริยะที่ยอดเยี่ยมากติดมาให้กับผู้ใช้ฟรีแถมให้พื้นที่คราวน์บนอินเทอร์เน็ตแบบไม่จำกัด IOS10 ส่งมาเพื่อปรับปรุงระบบภาพให้ดีขึ้นและให้ดีกว่า Google Photo ให้ได้

ถ้า Business Model ของท่านชัดเจนแล้ว แต่อาจไม่มี Innovation เสริมมากนัก ธุรกิจของท่านต้องขั้นกว่าคู่แข่งทุกด้าน เช่น คุณภาพดีกว่า ราคาถูกกว่า ใช้แล้วเท่ห์กว่า แบรนด์ดีกว่า ทีมงานเก่งกว่า ฯลฯ ขั้นกว่าให้หมด

ความจริงแล้วก็ไม่มีอะไรซับซ้อนถ้าไม่ทฤษฏีอะไรมากมาย เหมือนกับนักมวยจะขึ้นไปต่อยชิงแชมป์ คุณจะต้อง ต่อยหนักกว่าแชมป์ อดทนกว่าแชมป์ เชิงชกต้องดีกว่า ฝึกฝน ให้หนักกว่า กรรมการเอนเอียงมาให้เราบ้างเวลาคะแนนสูสี จะได้เทคะแนนมา โชควาสนาช่วยบ้าง ต่อยเปรี้ยงเดียวน๊อคเลย หรือแชมป์เต้นๆไปมาขาแพลงแพ้น๊อค นั่งคือดวงและโชค แต่การเตรียมตัวฝึกซ้อมจะดีที่สุด

เขียนมาตั้งเยอะ ผมอยากเล่าวิธีคืด Business Model You ของผม เผื่อบางท่านเป็นธุรกิจใช้ความสามารถเฉพาะตัวแบบผม ผมเป็นอาจารย์สอนหนังที่ไม่ไดสังกัดมหาวิทยาลัย ผมยืนหยัดว่าใครจะจ้างผมไปสอนก็คือตัวผม ไม่ใช่สังกัด เขียนแล้วเหมือนอหังการ แต่ผมคิดอย่างนั้นจริงๆ

อย่าดูถูกธุรกิจเฉพาะตัว เช่นนักกีฬา ศิลปิน ดารานักร้อง นั่นก็ใช่ ไม่ต้องอะไรมา แมนนี่ ปาเกียว คนเดียว ต่อยมวยแต่ละไฟต์ได้หลายล้านเหรียญทำเงินมากกว่า บริษัทในตลาดหลักทรพย์ของเมืองไทยขนาดกลางๆ อีก ครับ จากฟรีแลนซ์ ก็พัฒนาเป็น Business Model You ได้ และผมเชื่อว่า วิวัฒนาการทางธุรกิจจะทำให้ธุรกิจคนเดียวที่ไม่ใช่ดารามีค่าตัวค่าบริการแพงได้

ผมเป็นสื่อสารมวลชนมาตั้งแต่จบใหม่ๆ ทั้งจัดรายการโทรทัศน์วิทยุ เป็นนักข่าว และกลายเป็นบล๊อคเกอร์

ช่วงที่ผมยังทำงานที่ช่อง 9 เป็นนักข่าวและเป็นดีเจ ได้พบแต่พีอาร์เข้ามาเพื่อเสนอให้บริษัทของตัวเองเป็นข่าว

และหลังจากที่ Twitter เข้ามาเปลี่ยนแปลงโลกข่าวสาร นักข่าวหันมาใช้ Twitter มากขึ้น ผมรู้ด้วยสัญชาติญาณเลยว่า โลกของการประชาสัมพันธ์เปลี่ยนไปแล้ว ผมจึงรวบรวมรายชื่อนักข่าวและสื่อสารมวลชนที่ใช้ Twitter ซึ่งมี 800 กว่าราย แล้วทำเป็นรายชื่อแบบ Twitter Lists ติดตั้งทำเป็นระบบผ่านโปรแกรม Tweetdeck และใส่เทคนิคในการประชาสัมพันธ์ ผ่านสมาร์ทโฟนเข้าไปพร้อมกับติดตั้งระบบ Twitter นักข่าวทั้งหมดกว่า 800 รายลงในสมาร์ทโฟน เพื่อให้ส่งข่าวถึงนักข่าวได้แบบเรียลไทม์

ผมจำได้ว่าตั้งแต่เดือนมีนาคม พ.ศ.2554 หลังจากที่ผมจัดสัมมนา โซเชียลมีเดียเพื่อการประชาสัมพันธ์ มาตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ เดือนกันยายน พ.ศ.2559 เป็นเวลา 5 ปีเข้าปีที่ 6 แล้ว ก็ยังคงความมีเชื่อเสียงและมีคนเชิญผมไปสอนตลอดเพราะใช้วิธีคิดแบบ Business Model You ซึ่งผมหาเงินเฉพาะตัวคนเดียวได้มากกว่าสมัยที่ตั้งบริษัทด้วย

ทั้งหมดเป็นทฤษฏีที่เขียนเล่ามา ผมอยากขอแนะนำ ลองใช้เแอพ mind note หรือพวก Mind map มาใช้งานดูครับ คิดไปเรื่อยๆ แตกหน่อ ความคิดไปเรื่อยๆ หรือใช้ Google Keep ซึ่งเป็นของฟรีที่ Google แจกให้ใช้มีทั้ง IOS และแอนดรอย ไว้เป็นที่เก็บไอเดีย Business Model คิดไปเขียนไปเรื่อยๆ ค่อยๆ ต่อยอดไปเรื่อยๆ ครับ Business Model ปรับเปลี่ยนตามพฤติกรรมของมนุษย์และสิ่งแวดล้อม เทคโนโลยี เช่นตั๋วเครื่องบินขายใน 7-11 ทั่วประเทศซื้อง่ายเหมือนคาราแดวกับซาลาเปาหมูสับแล้ว

 ล่าสุดจริงๆ ก่อนจบ บทความมี Business Model ใหม่เกิดขึ้นอีกแล้ว เช่ารถจากเจ้าของรถโดยตรง ไม่ใช่เช่าจากบริษัทแล้ว อยากจะขับ จากัวร์ พอร์ช เฟอร์รารี่ ฯลฯ

ลองเข้าไปชมครับ ข้อมูลนี้ได้มาจากคุณไอซ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยว https://www.drivematethailand.com/

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ