ชีพธรรม คำวิเศษณ์
Back To The Future ย้อนเวลาไป พ.ศ.2543 เมื่อ 16 ปีที่แล้วเมื่อตอนผมตั้งบริษัทไทยเวนเจอร์ดอทคอมจำกัด ทาง VC (Venture Capital ผู้ให้เงินทุน) ได้เปิดออฟฟิศอยู่บนชั้น 10 ตึกสาทรธานี ขอบอกว่าเป็นออฟฟิศที่ไฮโซหรูหราพอสมควรในยุคนั้น ทางกลุ่ม VC ได้เช่าพื้นที่ครึ่งชั้น เป็นของออฟฟิศ VC และให้พื้นที่กับผู้ประกอบการหน้าใหม่อย่างผมและเพื่อนๆ สตาร์ทอัพ ได้อยู่ทำงานกัน
นิยามของรูปแบบนั้น ขณะนั้น เรียกว่า การบ่มเพาะธุรกิจใหม่ หรือ Incubator โดยแบ่งพื้นที่เป็นห้องๆ ให้กับบริษัทเกิดใหม่ มีพนักงาน 5-7 คน แต่ละห้องแบ่งกันอยู่ เราอยู่กันประมาณกัน 8 ห้อง มีอินเทอร์เน็ตมีความเร็วสูงในยุคนั้นแม้ยังไม่มีไวไฟใช้งาน แต่มีพื้นที่สำหรับออกไปนั่งทานกาแฟกัน บริเวณด้านนอกมีห้องประชุม 4-5 ห้องให้ไปประชุมกับลูกค้าและกับ VC กัน เป็นสัดส่วนมาก ออฟฟิศเป็นที่เชิดหน้าชูตาของพวกเราสตาร์ทอัพมาก ลูกค้าที่มาเยี่ยมออฟฟิศของพวกเราต่างพากันทึ่งในความทันสมัยและสวยงามของออฟฟิศ มีหลายบริษัทในยุคนั้นมาเยี่ยมออฟฟิศของพวกเรา แต่สตาร์ทอัพทั้งหลายก็เสียค่าเช่าให้กับ VC ในราคาที่ไม่แพงนะครับ ผมอาศัยอยู่ 5 ปี ก็ต้องย้ายออกมาเพราะอยู่มานานมากแล้ว ใครจะส่งจดหมายไปรษณีย์พัสดุก็ส่งมาที่ตึกสาทรธานี ซึ่งด้านล่างของตึกเป็นสำนักงานใหญ่ของธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ คิดเอาเองครับว่าอยู่ตึกเดียวกันเท่ห์ขนาดไหน แต่สำหรับสตาร์ทอัพแบบผมแล้ว ความเท่ห์กับการหาเงินเป็นคนละเรื่องครับ
ยุคสมัยผ่านมาพฤติกรรมของการทำงานในยุคโซเชียลมีเดีย มาถึงยุคที่ร้านกาแฟมีไวไฟบริการฟรีทุกร้านเกือบทุกมุมของประเทศ บ้านนอกบ้านนา ชุมชนหมู่บ้านเชื่อมโยงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงกันหมด ไม่มีใครสนใจว่าบริษัทของคุณจะอยู่ที่ไหนกันแล้ว ซื้อกาแฟแก้วเดียวนั่งทำงานต่อเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไวไฟ ธุรกิจเกิดใหม่ คือ Co- Working Space คือ ผู้ประกอบการเดี๋ยวนี้ไม่ต้องมีออฟฟิศแล้วแต่ไปเช่าที่ทำงานเป็นชั่วโมง
สิ่งที่ผมอยากเขียนก็คือ อยากจะขอพาไปรู้จักออฟฟิศเสมือนจริงที่ช่วยบริการผู้ประกอบเริ่มต้นในการก่อตั้งบริษัท ขอพาไปรู้จักกับ bkkservebiz.com เป็นผู้ให้บริการเช่าออฟฟิศเสมือนจริงสัญชาติไทย ที่ผู้ประกอบการเริ่มต้นควรจะได้รู้จัก ซึ่งจะช่วยเติมความฝันในการเป็นผู้ประกอบการสตาร์ทอัพไม่ว่าสายไหนก็ตาม เพื่อให้มีบริษัทจดทะเบียนกับกรมพัฒนาธุรกิจกระทรวงพาณิชย์ แม้คุณจะไม่มีที่อยู่สำหรับจดทะเบียนบริษัทได้
คุณ ธัญญ์พิชชา อติวัณณ์วงษ์ หรือ อ.ภัค ผมรู้จักเธอมาไม่ต่ำกว่า 15 ปี เธอเป็นอาจารย์สอนวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและการเขียนโปรแกรม คอมพิวเตอร์ที่มหาวิทยาลัยเกริก ถ้าหากผมย้อนเวลาได้ก็ ผมก็อยากไปเป็นลูกศิษย์ เพราะว่าเธอมีประสบการณ์ในโลกของธุรกิจจริงๆ ไม่ได้เดินออกจากห้องสมุดเหมือนอาจารย์มหาวิทยาลัยที่สอนหนังสือแบบเพียวๆ ธุรกิจนี้เป็นธุรกิจในเชิงของผู้ประกอบการเพื่อสังคม (Social Enterprise) เพื่อสนับสนุนให้ SME ได้มีช่องทางในการทำธุรกิจที่มีแนวทางและถูกต้องในการจัดตั้งบริษัทและบัญชี และได้เป็นที่ฝึกซ้อมฝีมือในโลกธุรกิจให้กับลูกศิษย์ ม.เกริกได้เรียนรู้ด้วย
อ.ภัคเล่าให้ฟังว่า “Bkkservebiz เปิดบริการมาได้ 3 ปี ได้แรงบันดาลใจในการทำออฟฟิศเสมือนจริงในการที่ต้องการจะช่วยผู้ประกอบการที่เพิ่งเริ่มต้นที่อยากจะมีบริษัทแต่ผู้ประกอบการไม่มีที่อยู่ออฟฟิศที่จะจดทะเบียนบริษัท จึงให้เช่าที่อยู่เป็นที่ตั้งบริษัทออฟฟิศเสมือนจริง เข้าช่วยให้บริการเช่าพื้นที่จดทะเบียนบริษัท บริการเบอร์โทรศัพท์ให้กับบริษัท รับผิดชอบในการส่งเอกสารที่ส่งมาแล้วส่งต่อให้กับลูกค้า ถ้ามีคนโทรมามีคนรับโทรศัพท์ให้ มีเบอร์โทรศัพท์ของบริษัทให้ด้วย หรือผู้ประกอบการอยากได้เสียงตอบรับอัตโนมัติ ติดต่อฝ่ายขาย และฝ่ายบริการ ฝ่ายบัญชี ทำหน้าที่รับจดหมายไว้ให้ มีเบอร์โทรศัพท์ให้ด้วย เป็นเบอร์กลางรับฝากเรื่องวางบิล และเบอร์แฟ็กซ์”
ผมก็คุยกับ อ.ภัค ถามแทนผู้ประกอบการรุ่นใหม่ว่าถ้าต้องการจดทะเบียนบริษัทแบบออฟฟิศเสมือนจริงต้องทำอย่างไรและค่าบริการเท่าไหร่
“เริ่มต้นค่าบริการตั้งบริษัท ถ้าเป็นทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท เสียค่าบริการ 9,500 บาท ซึ่งทาง Bkkservebiz จะเป็นผู้บริการจองชื่อและจดทะเบียนบริษัทใหม่ พร้อมกับตรายางโลโก้ของบริษัทใหม่ 1 อัน หลังจากที่จดบริษัทแล้ว จะคิดบริการแรกเข้าเป็นค่ามัดจำ 7 พันบาท แต่จะคืนให้ภายหลังหลังจากที่เลิกใช้บริการ ซึ่งแพ็กเกจที่ 1 คิดเดือนละ 1 พันบาทเท่านั้น ในกรณีใช้ที่อยู่ของบริษัทและจัดส่งเอกสาร
แพ็กเกจที่ 2 คิดราคา 2,500 บาท มีบริการตอบรับโทรศัพท์และเสียงตอบรับให้ เหมือนกับเราโทรไปที่บริษัทใหญ่เช่น กด1 ฝ่ายขาย กด2 ฝ่ายบัญชี อย่างนี้เป็นต้น
และแพ็กเกจที่ 3 ถ้าหากบริษัทเกิดใหม่มีรายได้ต่อปีเกิน 1.8 ล้านบาทจะต้องจดภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งทาง Bkkservebiz จะทำบัญชีให้ด้วย และคิดรวมกับบริษัททั้งหมดรวมค่าเช่าออฟฟิศและโทรศัพท์ เริ่มต้นที่เดือนละ 6,500 บาท” อาจารย์ภัคเล่าถึงบริการออฟฟิศเสมือนจริงให้ฟัง ซึ่งก็เหมาะกับธุรกิจเริ่มต้น ที่ยังไม่มีออฟฟิศใน ทางกฏหมายของตนเอง ส่วนจะไปนั่งทำงานตรงไหนก็สุดแล้วแต่ผู้ประกอบการจะไปนั่งทำงาน
“แล้วการมีบริษัทจดทะเบียนกับเป็นบุคคลธรรมดาต่างกันอย่างไรครับอาจารย์” ผมถามอาจารย์ภัคเพิ่มเติม
“ขึ้นอยู่กับว่าลูกค้าต้องการแบบไหน ถ้าลูกค้าต้องการบริษัทเราก็ต้องจดทะเบียนบริษัท แต่ถ้าลูกค้า
ไม่ต้องการเชื่อถือในตัวบุคคลก็ไม่ต้องจดก็ได้” อาจารย์ภัคแนะนำ และได้แนะนำต่อไปว่า
“ถ้าหากรายได้ไม่ถึง 50,000 บาทต่อเดือนก็ไม่ควรที่จะจดบริษัท เพราะจะมีภาระในเรื่องการทำบัญชี”
ความจริงแล้วธุรกิจบริการออฟฟิศเสมือนจริงไม่ใช่เรื่องใหม่ คู่แข่งของ Bkkservebiz คือบริษัท Regus และ Servcorp เป็นบริษัทข้ามชาติ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วลูกค้าที่ต้องการที่อยุ่ใจกลางเมืองย่านธุรกิจ เช่น สีลม วิทยุ เป็นต้น แต่ถ้าบริษัทไม่ต้องการที่อยู่ใจกลางเมืองก็ใช้บริการ Bkkserviebiz ซึ่งใช้ที่อยู่แถวรามอินทรา กรุงเทพฯ
อ.ภัคได้ให้คำแนะนำว่าสำหรับธุรกิจสตาร์ทอัพแบบธุรกิจดิจิตอลที่ใช้เทคโนโลยีเป็นฐาน ช่วงนี้ถ้าหากเริ่มต้นจดทะเบียนบริษัทและยื่นของกับทาง สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ถ้าเข้าข่าย 10 ธุรกิจจะได้รับการยกเว้นภาษี 5 ปี อ่านเพิ่มเติม http://www.bkkservebiz.com/รับสิทธิทางภาษี 5 ปี
อ.ภัคบอกกล่าวทิ้งท้ายว่า ไม่ใช่ทุกธุรกิจที่ทาง Bkkservebiz จะรับจดทะเบียนให้ ต้องดูเป็นรายๆ ซึ่งไปซึ่งไม่ให้ผิดกับศีลธรรมและกฏหมาย ซึ่งใครที่จะเริ่มต้นธุรกิจจะต้องคุยเป็นรายๆ ไปเพื่อให้คำปรึกษาด้วยและวางแผนทางด้านภาษีให้กับธุรกิจเกิดใหม่ด้วย…..